ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 117 จุด รับข่าวจีนหนุนเสถียรภาพเงินหยวน
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (12 ม.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเทคโนโลยี นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากข่าวที่ว่าธนาคารกลางจีนได้เข้าแทรกแซงตลาดออฟชอร์เพื่อรักษาเสถียรภาพสกุลเงินหยวน
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิด (12 ม.ค.) ที่ 16,516.22 จุด พุ่งขึ้น 117.65 จุด หรือ +0.72% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,685.92 จุด เพิ่มขึ้น 47.93 จุด หรือ +1.03% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,938.68 จุด เพิ่มขึ้น 15.01 จุด หรือ +0.78%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่า ธนาคารกลางจีนได้เข้าแทรกแซงตลาดออฟชอร์เพื่อรักษาเสถียรภาพสกุลเงินหยวน โดยเมื่อวานนี้ธนาคารกลางจีนได้เข้าแทรกแซงตลาดออฟชอร์ ด้วยการเข้าซื้อสกุลเงินหยวนในตลาดฮ่องกงในวันนี้ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวส่งผลให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้น 0.7% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ในตลาดฮ่องกงเมื่อวานนี้
เป้าหมายในการเข้าแทรกแซงตลาดออฟชอร์ในฮ่องกงของธนาคารกลางจีนนั้น มีเป้าหมายที่จะสกัดการเก็งกำไรจากเงินหยวนที่อ่อนค่าลงอย่างรวดเร็ว และลดความเหลื่อมล้ำระหว่างอัตราแลกเปลี่ยนออนชอร์และออฟชอร์ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเงื่อนไขที่จะทำให้สกุลเงินหยวนสามารถรวมเข้าในตะกร้าสกุลเงิน SDR ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวของธนาคารกลางจีนทำให้นักลงทุนมีมุมมองเป็นบวกว่าจะสามารถลดความผันผวนในตลาดการเงินได้
หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นแม้ว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังอ่อนแรงลงอย่างต่อเนื่องก็ตาม โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล และหุ้นเชฟรอน คอร์ป ต่างก็ปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 1.7% ขณะที่หุ้นวาเลโร เอนเนอร์จี คอร์ป พุ่งขึ้น 3.1%
หุ้นกลุ่มธุรกิจเพื่อสุขภาพปรับตัวขึ้น นำโดยหุ้นแอนเธม อิงค์ และหุ้นเอ็ทนา อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทประกันสุขภาพ ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 3.8% หลังจากทั้งสองบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในปีนี้, หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น ก่อนที่บริษัทรายใหญ่หลายแห่งจะเปิดเผยผลประกอบการ โดยหุ้นแอปเปิลพุ่งขึ้น 1.5% หุ้นอินเทล ดีดขึ้น 1.9% หุ้นค็อกนิแซนท์ เทคโนโลยี โซลูชันส์ ทะยานขึ้น 6.3%
อย่างไรก็ตาม หุ้นอัลโค อิงค์ บริษัทเหมืองรายใหญ่ระดับโลก ร่วงลง 9% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 4/2558 ร่วงลง 18% สู่ระดับ 5.25 พันล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับรายได้ในไตรมาส 4 ของปี 2557 ที่ระดับ 6.38 พันล้านดอลลาร์ โดยรายได้ในไตรมาส 4/2558 อยู่ในระดับต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 5.29 พันล้านดอลลาร์
ขณะที่ นักลงทุนจับตาการกล่าวปาฐกถาของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลายคนในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงต่อไปในปีนี้ หลังปรับขึ้นครั้งแรกรอบเกือบ 10 ปีในเดือนที่แล้ว ส่วนเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย นายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟดสาขาดัลลัส ได้ออกมาส่งสัญญาณว่าอาจจะไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ เมื่อพิจารณาจากตลาดหุ้นโลกที่ยังผันผวน อันเนื่องมาจากความวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ รวมถึงรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), ดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐเดือนธ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนธ.ค., ยอดค้าปลีกเดือนธ.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรม-อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนธ.ค., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ย.