KBANK วิ่งคึก! 3% โบรกอัพเป้า 152 บ. รับกำไรโตเกินคาด-ตั้งสำรองลด พ่วงกัลฟ์เข้าถือ

KBANK บวกกว่า 3% รับปัจจัยบวก "โบรกฯ" เพิ่มคำแนะนำเป็น "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 152 บาท รับกำไรไตรมาส 1/67 โตเกินคาด-ตั้งสำรองลด พ่วง "กัลฟ์" เข้าซื้อหุ้นเก็งกำไร


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (23 เม.ย.67) ราคาหุ้น ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ณ เวลา 10:20 น. อยู่ที่ระดับ 128 บาท บวก 4 บาท หรือ 3.23% สูงสุดที่ระดับ 130 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 125 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.98 พันล้านบาท

ด้าน บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ เพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อ” จาก “ถือ” และเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 145 บาท (P/BV ปี 67 ที่ 0.60 เท่า, ROE ที่ 8.30%) หลังจากที่เพิ่มประมาณการกำไรเพื่อสะท้อนผลประกอบการไตรมาส 1/67 ที่แข็งแกร่ง ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเชิงบวกต่อการชะลอการขยายสินเชื่อและมุ่งเน้นไปที่คุณภาพสินเชื่อที่ดีเพื่อลด credit cost ในปี 67-68

โดยธนาคารตั้งเป้าหมาย ROE ที่ 10% ภายในปี 69 และกำหนดอัตราการจ่ายเงินปันผล (DPR) อย่างน้อย 25% ดังนั้นเพื่อสะท้อน DPR ที่สูงขึ้นที่ 36% ในปี 66 จึงปรับเพิ่มประมาณการ DPR ปี 67-69 เป็น 39% จาก 30% ก่อนหน้านี้โดยอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลปี 67 อยู่ที่ 6%

อีกทั้ง เพิ่มประมาณการกำไรปี 67-68 ขึ้น 3-4% เพื่อสะท้อนถึง NIM ที่สูงขึ้นและ opex ที่ลดลงจากผลประกอบการไตรมาส 1/67 แข็งแกร่งที่ 1.35 หมื่นล้านบาท (โต 26% จากปีก่อน) โดยประเมินว่าต้นทุนด้านเครดิตจะแตะระดับ 195bps ในปี 67 เนื่องจากธนาคารจะยังคงเดินหน้าเคลียร์งบดุลในปีนี้ทั้งนี้จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ช้าเราคาดว่าธนาคารจะมุ่งเน้นไปที่การบริหารต้นทุนและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน ซึ่งหลังปรับประมาณการกำไรแล้ว คาดการณ์ว่ากำไรของ KBANK จะเติบโต 6-7% ในปี 67-68 คาดการณ์ว่า ROE จะสูงถึง 8.40% ในปี 69 เทียบกับเป้าหมายของธนาคารที่ 10%

ขณะเดียวกัน บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ ปรับประมาณการกำไรปี 67 ขึ้นเป็น 4.70 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.80% จากปีก่อน จากค่าใช้จ่ายประกันที่ดีกว่าคาดการณ์ และปรับราคาพื้นฐานขึ้นเป็น 144 บาท จากเดิม 139 บาท ยังเหลือส่วนต่างพอสมควร จึงยังคงแนะนำ “ซื้อ”

ด้าน นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ พาย กล่าวว่า กำไรไตรมาส 1/2567 ของ KBANK ออกมาเติบโตสูงกว่าที่ consensus ประเมินไว้อยู่ที่ 18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 21% จากไตรมาสก่อนหน้า ดังนั้น การที่ KBANK รายงานกำไรสุทธิสูงที่สุดในกลุ่ม จึงแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมาย 152 บาท อัพไซด์ 23%

ขณะที่ นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KBANK เปิดเผยว่า ไตรมาส 1/2567 ธนาคารมีกำไรสุทธิ 13,486 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 10,741 ล้านบาท โดยหลักมาจากค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานที่ลดลง ส่วนหนึ่งเป็นค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่เป็นปกติตามฤดูกาล รวมทั้งธนาคารและบริษัทย่อยมีการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้ดีอย่างต่อเนื่อง

อีกทั้งวานนี้ มีการรายงานข่าวว่า นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เปิดเผยถึงกรณีการถือครองหุ้น KBANK จำนวน 20,542,400 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 0.87% จนขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในอันดับที่ 14 มาตั้งแต่เดือนมี.ค.นั้น ว่า เป็นเพียงการบริหารทางการเงินของบริษัท เนื่องจากบริษัทมีเงินสดอยู่จำนวนหลายพันล้านบาท จึงต้องการหาผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝาก ไม่ได้มีนัยของการเข้าไปเทกโอเวอร์กิจการแต่อย่างใด โดยก่อนหน้านี้ได้มีการชี้แจงไปยังผู้บริหารของ KBANK แล้วว่าเป็นเพียงการซื้อขายหุ้นเพื่อทำกำไรเท่านั้น

Back to top button