SCGP-IVL กอดคอบวก! ลุ้นสเปรดปิโตรเคมีฟื้น หลังจีนอุ้มอสังหาฯ 67 ล้านลบ.

บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 32.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 4.80% มีราคาสูงสุด 33 บาท และราคาต่ำสุด 31.75 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 237.23 ล้านบาท

บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 24.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท หรือ 0.81% มีราคาสูงสุด 25 บาท และราคาต่ำสุด 24.60 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 168.88 ล้านบาท

สำหรับราคาหุ้นปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง เนื่องจาก สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า รัฐบาลกลางจีนกำลังพิจารณาให้รัฐบาลท้องถิ่นทั่วประเทศเข้าทำการซื้อบ้านค้างสต๊อก (Oversupply) จำนวนหลายล้านยูนิต เพื่อกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ หลังเกิดวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ที่ยืดเยื้อส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนอย่างหนัก โดยโกลด์แมนแซคส์ ประเมินว่า สินค้าคงคลังที่อยู่อาศัยที่สามารถขายได้มีมูลค่า 13.5 ล้านล้านหยวน หรือประมาณ 67.5 ล้านล้านบาท ณ สิ้นปี 2566 และเนื่องจากการก่อสร้างบางส่วนยังไม่แล้วเสร็จ ดังนั้นจึงต้องใช้เงินลงทุนอีก 5 ล้านล้านหยวน จึงจะเสร็จสมบูรณ์

ขณะที่ ล่าสุดธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ระยะ 1 ปี เป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของจีนไว้ที่ระดับ 2.50% เพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจ

โดยจากปัจจัยดังกล่าวคาดว่าจะส่งผลให้ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของจีนมีโอกาสพลิกฟื้นได้อีกครั้ง รวมถึงเศรษฐกิจรวมของประเทศ ถือว่าเป็นผลดีต่อหุ้นที่ทำธุรกิจและค้าขายกับประเทศจีน เนื่องจากตลาดจีนเป็นตลาดบริโภคขนาดใหญ่ของโลก มีกำลังซื้อสูง เมื่อดีมานด์จีนเพิ่มขึ้น สินค้าที่ส่งออกไปยังจีนก็จะปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ขณะเดียวกัน นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS มองว่า ภายหลังจากรัฐบาลท้องถิ่นจีนเข้าไปซื้ออสังหาฯ ที่ค้างสต๊อกแล้ว จะทำให้สภาพคล่องในภาคธุรกิจฟื้นตัวขึ้นมา ประกอบกับรัฐเข้าไปปล่อยกู้ที่อยู่อาศัย ก็จะทำให้เศรษฐกิจฟื้น การบริโภค การลงทุนก็จะดีขึ้น

“ผู้ประกอบการอสังหาฯ จีนขณะนี้ขาดสภาพคล่องมาก โปรเจกต์ใหม่ขายไม่ได้ แต่สถานการณ์ดังกล่าวจะดีขึ้น หลังจากรัฐบาลเข้าไปซื้ออสังหาฯ ที่ Oversupply จำนวนหลายล้านหลังในราคาลดพิเศษ เพื่อกระตุ้นภาคอสังหาฯ ของจีน และมีการปล่อยกู้เข้าไปใหม่ การบริโภค-อุปโภค และการลงทุนก็จะกลับมาฟื้นตัว ส่งผลดีต่อทั้งตลาดทุนและภาพรวมเศรษฐกิจ” นายกรภัทร กล่าว

ดังนั้น KSS จึงมองว่าจะส่งผลดีต่อหุ้นที่ทำธุรกิจอิงประเทศจีนเป็นหลัก โดยเฉพาะกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจปิโตรเคมี อาทิ IVL โดยบริษัทมีฐานการผลิตอยู่ในจีนขณะนี้

ขณะที่ SCGP มีการส่งออกผลิตภัณฑ์กระดาษบรรจุภัณฑ์ไปจีนในสัดส่วนค่อนข้างสูง ขณะที่ตลาดในประเทศจีนในภาวะปกติจะมีตัวเลขการนำเข้ากระดาษบรรจุภัณฑ์ต่อเดือนไม่ต่ำกว่า 800,000 ตัน

ทั้งนี้ รายงานจาก LESG Consensus ประเมินรายได้รวม IVL งวดปี 2567 ที่ 563,827 ล้านบาท กำไรสุทธิ 7,980 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,917% จากปีก่อน ราคาเป้าหมายเฉลี่ย 26.43 บาท จาก 12 โบรกเกอร์ ขณะที่ SCGP งวดปี 2567 ประเมินรายได้ที่ 142,246 ล้านบาท กำไรสุทธิ 6,301 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.07% จากปีก่อน ราคาเป้าหมายเฉลี่ย 39.06 บาท จาก 16 โบรกเกอร์