AAI วิ่ง 3% ย้ำรายได้ปีนี้ 6.5 พันล้าน รับออเดอร์แน่น-ต้นทุนทูน่าลด

AAI บวก 3% มั่นใจรายได้ปีนี้โต 19% แตะ 6.5 พันล้านบาท ตามเป้า ขานรับคำสั่งซื้อโต พ่วงต้นทุนราคาทูน่าถูกลง และค่าเงินเหรียญสหรัฐแข็งค่า


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (24 เม.ย.67) ราคาหุ้น บริษัท เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ AAI ณ เวลา 11:05 น. อยู่ที่ระดับ 6.10 บาท บวก 0.15 บาท หรือ 2.52% สูงสุดที่ระดับ 6.25 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 5.80 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 54.14 ล้านบาท

นายเอกราช พรรณสังข์ กรรมการผู้จัดการ AAI เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยังคงเป้ารายได้ของปี 67 ไว้ที่ 6,500 ล้านบาท หรือเติบโต 19% จากปีที่ผ่านมาที่ทำได้ 5,439 ล้านบาท โดยเป็นการเติบโตจากกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง 5,400 ล้านบาท หรือโต 24% จากปีก่อนที่ทำได้ 4,400 ล้านบาท และกลุ่มอาหารพร้อมรับประทานบรรจุภาชนะปิดผนึกน่าจะสามารถรักษารายได้ระดับเดียวกับปีก่อนที่ทำไว้ 1,100 ล้านบาท

รายได้ที่เพิ่มขึ้นจะมาจากอุปสงค์ของลูกค้าเจ้าของแบรนด์ใหญ่กลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงในตลาดสำคัญที่เริ่มกลับมาเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังมีการออกสินค้าใหม่เพื่อขยายตลาด ประกอบกับบริษัทฯ ยังคาดว่าจะมีลูกค้ารายใหม่เข้ามาเพิ่มขึ้น รวมทั้งบริษัทฯ มีโอกาสเติบโตจากการขายอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเม็ดเพิ่มขึ้น ส่วนยอดขายของแบรนด์บริษัทฯ ทั้งในไทยและจีนยังมีความท้าทายอย่างมาก ยังต้องปรับแผนและกลยุทธ์ ขณะที่กลุ่มอาหารพร้อมรับประทานบรรจุภาชนะปิดผนึกมองว่า หากไม่มีปัจจัยที่กระทบอย่างมีนัยสำคัญ คาดว่าจะยังสามารถเลือกรับคำสั่งซื้อที่ให้อัตรากำไรที่ดีต่อไป แต่ยังต้องติดตามประเด็นความไม่สงบในภูมิภาคตะวันออกกลางซึ่งอาจกดดันตลาดได้” นายเอกราช กล่าว

อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ได้เพิ่มเป้าหมายอัตรากำไรขั้นต้นปี 67 ขึ้นมาเป็นระดับ 17-18% จากเดิมที่เคยมองว่าจะอยู่ในระดับ 13-15% เนื่องจากสัดส่วนรายได้อาหารสัตว์เลี้ยงที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ต้นทุนทูน่าลดลง และยังมีปัจจัยบวกจากค่าเงินเหรียญสหรัฐแข็งค่า แต่ช่วงที่เหลือของปีนี้มองว่า อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทฯ ก็ยังมีโอกาสปรับลงได้จากที่กลุ่มบริษัทจะมีการทยอยปรับราคาขายตามอัตราแลกเปลี่ยนที่เปลี่ยนแปลงเป็นระยะ

รวมถึงต้นทุนวัตถุดิบบางตัวที่มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่บริษัทฯ ยังมีต้นทุนของเงินทุนอยู่ในระดับต่ำ และยังมีเงินสดและสภาพคล่องเพียงพอต่องบลงทุน 430 ล้านบาท ตามแผนงานเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและรองรับการเติบโตของตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในอนาคต โดยจะเดินหน้าเริ่มโครงการสร้างคลังสินค้าอัตโนมัติแห่งที่ 2 ภายในปี 67 หลังจากที่ได้ชะลอโครงการไปเมื่อปี 66

Back to top button