BTS-JMART กอดคอวิ่ง! หลัง “กวิน-อดิศักดิ์” สยบข่าวลือ ยันบีทีเอสไม่ขายหุ้น “เจมาร์ท”

BTS-JMART กอดคอวิ่ง! หลัง “กวิน-อดิศักดิ์” ปฏิเสธข่าวลือ BTS ขายหุ้น JMART ย้ำเดินหน้าลงทุนต่อเนื่อง ลั่นไม่เคยมีนโยบายให้ VGI และ RABBIT ขายหุ้นออกเช่นกัน ฟากซีอีโอเจมาร์ท ย้ำชัด “ข่าวมั่วไร้มูลความจริง” ปัจจัยพื้นฐานดีขึ้นต่อเนื่อง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (5 มิ.ย.67) ราคาหุ้น บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ณ เวลา 10:13 น. อยู่ที่ระดับ 4.94 บาท บวก 0.34 บาท หรือ 7.39% สูงสุดที่ระดับ 4.98 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 4.70 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 77.18 ล้านบาท

บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JMART อยู่ที่ระดับ 11.60 บาท บวก 0.40 บาท หรือ 3.57% สูงสุดที่ระดับ 11.70 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 11.40 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 25.79 ล้านบาท

สำหรับราคาหุ้นดีดกลับขึ้นมา ตอบรับข่าว นายกวิน กาญจนพาสน์ กรรมการบริหาร และกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ BTS เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ถึงกรณีมีกระแสข่าวว่ากลุ่ม BTS จะพิจารณาขายหุ้น JMART โดยยืนยันว่า BTS ยังไม่เคยมีความคิดจะขายหุ้น JMART พร้อมเดินหน้าการลงทุนใน JMART ต่อไป และไม่เคยมีนโยบายให้ บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI และบริษัท แรบบิท โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ RABBIT ขายหุ้น JMART เช่นกัน โดยวานนี้ (4 มิ.ย.67) มีการสอบถาม BTS เข้ามาอย่างมากเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ซึ่งไม่แน่ใจว่าเหตุใดจึงมีกระแสข่าวนี้เกิดขึ้นได้

“ยืนยันว่าเราไม่เคยคิดขายหุ้น JMART ขายตอนนี้ก็ขาดทุนน่ะสิ เราอยากถือแบบยาว ๆ 5 ปี 10 ปี ส่วน VGI และ RABBIT เราก็ไม่เคยมีนโยบายให้ขายหุ้น  JMART เหมือนกัน เมื่อวานนี้มีคนสอบถามผมเข้ามาเยอะมากเรื่องนี้ ไม่รู้ว่ามีข่าวมาจากไหน” นายกวิน กล่าว

โดยปัจจุบันกลุ่ม BTS ถือหุ้น JMART โดยบริษัทหลักทรัพย์ เมธา จำกัด 0.96%, VGI เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุดใน JMART ที่ 13.66% และ RABBIT ถืออยู่ 10.21%

นายกวิน กล่าวเพิ่มเติมถึงกรณี BTS เตรียมเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาและอนุมัติแผนการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทแบบ General Mandate จำนวนไม่เกิน 2,600 ล้านบาท (หรือเท่ากับประมาณ 4.94% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัท) โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 650 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 4 บาท เพื่อเสนอขายต่อบุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ว่า การเสนอขออนุมัติแผนเพิ่มทุน General Mandate ดังกล่าว เป็นเรื่องปกติที่ BTS เสนอต่อผู้หุ้นทุกปี โดยเป็นการขอเผื่อไว้เพื่อความคล่องตัวในการบริหารงาน ที่ผ่านมา BTS ยังไม่เคยเพิ่มทุนเลย และยืนยันว่าในปีนี้ก็ยังไม่มีแผนที่จะเพิ่มทุน เพราะสถานะการเงินของ BTS มีความแข็งแกร่งมาก

ด้าน นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JMART เปิดเผยว่าข่าวเกี่ยวกับกลุ่มบีทีเอสจะขายหุ้นในเจมาร์ทนั้นไม่เป็นความจริง กลุ่มเจมาร์ทไม่ได้มีปัญหา และแนวโน้มยังมีทิศทางผลประกอบการที่ดีขึ้นตามลำดับ

เป็นข่าวที่มั่วมาก ๆ ไม่มีมูลเลย เจมาร์ทมีกำไร ทางนั้นเขาไม่ได้ขาย” นายอดิศักดิ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภาพรวมข้อมูลผู้ถือหุ้น JMART ณ วันที่ 27 ก.พ. 2567 ของกลุ่มบีทีเอส พบว่า VGI ถืออยู่ 199,161,600 หุ้น คิดเป็น 13.66%, RABBIT จำนวน 148,861,318 หุ้น คิดเป็น 10.21% และ BTS โดยบลจ.เมธา จำนวน 14,000,000 หุ้น คิดเป็น 0.96%

ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าว BTS จะขายหุ้น JMART ว่า มีโอกาสน้อยมาก เพราะถ้าขายไปต้องบันทึกขาดทุนจากราคาขายที่ต่ำกว่าทุน แต่ถ้าถือหุ้น JMART ไว้ก็รอรับส่วนแบ่งกำไรมาให้ BTS ได้อยู่เรื่อย ๆ

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ราคาหุ้น BTS วานนี้ (4 มิ.ย. 2567) แกว่งตัวขึ้นลงตลอดทั้งวัน รอผลการประชุมนักวิเคราะห์ร่วมกับผู้บริหาร ก่อนที่จะปรับประมาณการกำไรและราคาเป้าหมายใหม่ โดยราคาปิดที่ 4.60 บาท ลดลง 4.17% ระหว่างวันมีแรงซื้อเข้ามาช่วงเปิดตลาดฯ ขึ้นไปแตะระดับสูงสุด 4.94 บาท ต่อมามีแรงเทขายออกมาทำให้ราคาไปอยู่ระดับต่ำสุดที่ 4.56 บาท เนื่องจากนักลงทุนยังกังวลแนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัท ด้วยมูลค่าซื้อขายสูงสุดของตลาดฯ 3,940 ล้านบาท

ด้านนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการกำไร มูลค่าที่เหมาะสม และคำแนะนำ จะปรับประมาณการกำไร มูลค่าที่เหมาะสม และคำแนะนำหลังประชุมนักวิเคราะห์ร่วมกับผู้บริหาร BTS วันนี้ ( 5 มิ.ย. 2567)

ทั้งนี้ มองว่าผลประกอบการ BTS น่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในปีที่แล้ว เนื่องจาก 1) คาดไม่มีการตั้งด้อยค่าเงินลงทุนมากเหมือนปีที่แล้วอีก 2) ธุรกิจ MOVE มีรายได้ที่สม่ำเสมอจากรับจ้างเดินรถ และส่วนแบ่งกำไรจากกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท หรือ BTSGIF ที่เพิ่มขึ้นตามจำนวนผู้โดยสาร 3) ธุรกิจ MIX คาดจะดีขึ้นตามรายได้สื่อโฆษณาที่เติบโต และไม่มีส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX และ 4) ธุรกิจ MATCH คาดส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในแรบบิทโฮลดิ้งส์ กับ JMART มีแนวโน้มจะลดลง

อย่างไรก็ตาม คาดว่ากำไรจะยังคงอ่อนแอ จากรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและชมพู ที่จะยังขาดทุนจากต้นทุนทางการเงิน หรือ Financing Cost ประมาณ 1.6 พันล้านบาท/ปี และต้องใช้เวลาประมาณ 3-4 ปีกว่าที่จะถึงระดับคุ้มทุน หรือ Break even ปัจจัยเสี่ยงหลักๆ ของ BTS คือจำนวนผู้โดยสารของรถไฟฟ้าที่ต่ำกว่าคาด, ค่าใช้จ่ายจากการให้บริการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและเหลืองมากกว่าคาด รวมถึงเศรษฐกิจที่ชะลอตัว

นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) คาดว่า ผลประกอบการจะฟื้นตัวขึ้นจากปี 2568 เป็นต้นไป มองว่าราคาหุ้นที่ต่ำกว่า 6.40 บาท ถือว่าถูก จึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น BTS แต่ปรับลดราคาเป้าหมายลงเหลือ 6.40 บาท จากเดิม 7.20 บาท เพื่อสะท้อนถึงการปรับลดประมาณการกำไร เพราะรถไฟฟ้าสายสีชมพูและเหลือง

“มองว่า BTS เป็นหุ้น Recoverly play เพราะเราเชื่อว่าราคาหุ้นสะท้อนข่าวร้ายส่วนใหญ่ไปแล้ว เรามองว่าปัจจัยกระตุ้นตัวแรกจะมาจากการฟื้นตัวของกำไรในปี 2568 เพราะไม่ต้องรับรู้ผลจาดทุน KEX อีก”

บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป  มองว่า ภาพปี 2568 (เม.ย.67-มี.ค.68) ฟื้นตัว หลักใหญ่จากรายการพิเศษที่ลดลง จากปีก่อนมีรายการพิเศษที่เป็นลบ 4,408 ล้านบาท จากการขาย KEX และด้อยค่าเงินลงทุนอื่น ๆ และรับรู้ขาดทุนจากบริษัทร่วมลดลง จากการขาย KEX และ RABBIT ที่ปีก่อนรับรู้ขาดทุน และด้อยค่าในบริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER ประกอบกับบริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI มีทิศทางที่ดีขึ้น

Back to top button