กมธ.ไอซีที จี้ประธานวุฒิฯส่งรายงาน “นพ.สรณ” ขาดคุณสมบัติกสทช.ให้นายก

กมธ.ไอซีทีวุฒิสภา ส่งหนังสือเร่ง “พรเพชร” พิจารณารายงานผล “นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์” หลังตรวจพบขาดคุณสมบัติการเป็น กสทช. ส่งต่อให้นายกรัฐมนตรี หวั่นเกิดการดึงเช็งจะสร้างความเสียหายให้ประเทศ..


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (6 มิ.ย. 67) นายประพันธ์ คูณมี สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะรองประธานกรรมาธิการเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสารและการโทรคมนาคม วุฒิสภา (กมธ.ไอซีที) เปิดเผยว่า กมธ.ได้ทำหนังสือแจ้งลงนามไปยัง นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา แล้ว หลังมีการลงมติของที่ประชุม เพื่อให้นำเรียนนายกรัฐมนตรีต่อไป ซึ่งประธานวุฒิสภาต้องเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด เพราะเป็นอำนาจหน้าที่ของนายพรเพชร  ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนที่สุด

โดยกรณีดังกล่าวมาจากที่ คณะกมธ.ไอซีที ตรวจสอบการขาดคุณสมบัติ การฝ่าฝืนกฎหมาย อาจเข้าข่ายการเท็จทูลเบื้องสูงของศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ตามที่ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร.ภูมิศิษฐ์   มหาเวสน์ศิริ รองเลขาธิการและรักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ ประธานวุฒิสภา บัดนี้ ผลพิจารณาและลงมติสรุปว่า “จากพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงที่รับฟังเป็นยุติในชั้นพิจารณาของคณะกรรมาธิการฯ ประกอบกับข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง คณะกรรมาธิการ เห็นว่า นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ เป็นผู้ที่ขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553 มาตรา 7 ข. (12) มาตรา 8 มาตรา 18 มาตรา 20 และมาตรา 26 จึงเห็นสมควรเสนอให้ประธานวุฒิสภา ได้โปรดพิจารณาวินิจฉัย เพื่อนำกราบเรียนต่อนายกรัฐมนตรี ให้นำความกราบบังคมทูล เพื่อมีพระบรมราชโองการให้พ้นจากตำแหน่ง โดยหน้าที่และอำนาจตามกฎหมายต่อไป

ซึ่งก่อนหน้านี้ ตามที่ นพ. สรณ เคยส่งหนังสือแสดงการรับรองว่าได้ลาออกหรือเลิกประกอบอาชีพหรือวิชาชีพ ถึง ประธานวุฒิสภา เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2567 ที่ได้แจ้งว่า ตนเองลาออกจาก รองคณบดี คณะแพทย์ศาสตร์ฯ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล, คณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม รวมถึง การประกอบวิชาชีพอิสระ (วิชาชีพเวชกรรม) ในบริบทหรือในช่วงเวลาที่มีส่วนได้เสีย หรือมีผลประโยชน์ขัดแย้งในการปฏิบัติหน้าที่กรรมการ กสทช. แต่ก็ปรากฏในหลักฐานต่างๆ นพ. สรณ ยังคงรับงานและค่าตอบแทนในหน่วยงานต่างๆ ตามที่ปรากฏเป็นข่าว รวมถึง นพ. สรณ ได้ให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนเอง ว่าตนยังรับงานเป็นแพทย์ตรวจรักษาคนไข้ประจำอยู่ที่ รพ.รามาธิบดี อันเป็นคุณสมบัติต้องห้ามตามมาตรา 8(2) ดังนั้น จึงถือได้ว่า นพ.สรณ ได้แจ้งข้อมูลเท็จต่อวุฒิสภา เพื่อให้ได้รับการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมเป็นประธาน กสทช. ซึ่งในประเด็นนี้เป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วน ประธานวุฒิสภาต้องเร่งรัดดำเนินการเสนอนายกรัฐมนตรีฯ เพื่อนำความกราบบังคมทูลโดยเร็ว ตามกฎหมายผูกพัน มิฉะนั้นหากปล่อยให้เวลาล่วงเลยทำให้เกิดการดำเนินการล่าช้า จะสร้างความเสียหายต่อสำนักงาน กสทช.และประเทศชาติ นอกจากนี้อาจเข้าข่ายการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

Back to top button