“ภูมิธรรม” ถกทูตญี่ปุ่นกระชับสัมพันธ์ ช่วยดันส่งออกสินค้าเกษตรไทย
“รองนายกฯและรมว.พาณิชย์” หารือเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย กระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าผลักดันส่งออกสินค้าเกษตรของไทยไปตลาดญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น พร้อมชักชวนนักลงทุนชาวญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในพื้นที่ EEC
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (14 มิ.ย. 67) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการหารือกับ นายโอตากะ มาซาโตะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย กล่าวว่า ไทยและญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดและยาวนาน จนเมื่อปี 2565 ได้ยกระดับเป็น “หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน” โดยในการพบกันครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายได้เน้นย้ำการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้า ผ่านการใช้สิทธิประโยชน์จากความตกลง FTA ที่มีอยู่ โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าเกษตรของไทยภายใต้ความตกลง JTEPA เช่น กล้วยหอมทองไปตลาดญี่ปุ่น
นายภูมิธรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า ปีนี้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับภาคเกษตรกรไทยทำสัญญาซื้อขายกับผู้นำเข้าญี่ปุ่นเพื่อเตรียมส่งออกกล้วยหอมทองไปตลาดญี่ปุ่นแล้ว จำนวน 5,000 ตันต่อปี และจะเพิ่มปริมาณการส่งออกอีกในปีต่อ ๆ ไป นอกจากนี้ ไทยได้ขอให้ญี่ปุ่นสนับสนุนสินค้าน้ำตาลทรายที่ปัจจุบันญี่ปุ่นยังเก็บภาษีและค่าธรรมเนียมในอัตราที่สูง โดยขอให้ญี่ปุ่นพิจารณาให้เจ้าหน้าที่ระดับเทคนิคหารือกัน เพื่อนำไปสู่การลดภาษีต่อไป
นายภูมิธรรม กล่าวเว่า ญี่ปุ่นกับไทยถือเป็นพันธมิตรสำคัญในห่วงโซ่อุตสาหกรรมมาโดยตลอด โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ของญี่ปุ่นที่เข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศไทยกว่า 60 ปี ซึ่งตนได้เชิญชวนนักลงทุนญี่ปุ่นเข้ามาขยายการลงทุนในไทยเพิ่มเติมในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ทั้งที่เป็นยานยนต์สันดาปและยานยนต์สมัยใหม่ เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ให้กับญี่ปุ่นต่อไป และยังได้เชิญชวนนักลงทุนญี่ปุ่นมาลงทุนในพื้นที่ EEC สำหรับอุตสาหกรรมชั้นนำอื่น ๆ ที่ญี่ปุ่นมีศักยภาพ อาทิ เครื่องมือแพทย์ หุ่นยนต์ และพลังงานสะอาด อีกด้วย
สำหรับความร่วมมือด้านทรัพย์สินทางปัญญา เป็นที่น่ายินดีที่ญี่ปุ่นได้รับจดทะเบียนสินค้า GI ของไทยไปแล้ว 2 สินค้า ซึ่งสับปะรดห้วยมุ่นเป็นสินค้าต่อไปที่คาดว่าจะได้รับการจดทะเบียนในเดือนสิงหาคม ศกนี้ โดยทั้งสองฝ่ายพร้อมที่จะต่อเนื่องความร่วมมือในการคุ้มครอง GI ของทั้ง 2 ประเทศ ต่อไป
ปัจจุบันญี่ปุ่นเป็นคู่ค้าอันดับ 3 ของไทย โดยในช่วง 4 เดือนของปี 2567 (มกราคม – เมษายน) มีมูลค่าการค้ารวม 17,110.98 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเป็นการส่งออกมูลค่า 7,566.16 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเป็นการนำเข้ามูลค่า 9,544.83 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปยังญี่ปุ่น ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ไก่แปรรูป เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่น ๆ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล และเคมีภัณฑ์ เป็นต้น และสินค้านำเข้าสำคัญของไทยจากญี่ปุ่น ได้แก่ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ และเคมีภัณฑ์ เป็นต้น.