MAGURO ดีด 8% รับเปิดสาขาที่ 15 “พาราไดซ์ พาร์ค” โบรกชี้กำไรปี 67-68 โตเฉลี่ย 49%

MAGURO เด้ง 8% รับเปิดสาขาที่ 15 ทำเลทอง "พาราไดซ์ พาร์ค" รองรับลูกค้ากำลังซื้อสูง ลุ้นกำไรปี 67-68 เติบโตเฉลี่ย 49% ต่อปี โดยให้ราคาเป้าหมาย 22.39 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (25 มิ.ย.67) ราคาหุ้น บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAGURO ล่าสุด ณ เวลา 11:01 น. อยู่ที่ระดับ 18.40 บาท บวก 1.30 บาท หรือ 7.60% สูงสุดที่ระดับ 18.70 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 17.20 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 48.58 ล้านบาท

สำหรับราคาหุ้นดีดกลับขึ้นมา ตอบรับข่าว นายเอกฤกษ์ แสงเสรีดำรง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MAGURO กล่าวว่า บริษัทวางแผนการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องด้วยการเปิดสาขาใหม่ไม่น้อยกว่า 11 สาขาในปีนี้ ล่าสุด ได้เปิดร้าน MAGURO ร้านซูชิและอาหารญี่ปุ่นระดับพรีเมียม สาขาที่ 15 ที่ พาราไดซ์ พาร์ค ซึ่งจะมาช่วยรองรับกลุ่มลูกค้าใหม่ และกลุ่มลูกค้าที่เป็นสมาชิกของร้านอาหารที่อยู่ในย่านศรีนครินทร์ บางนา ที่มีกำลังซื้อสูงหลังจากที่เราได้รับกระแสตอบรับที่ดีเป็นอย่างมากจากการเปิด HITORI SHABU ไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทำให้บริษัทเล็งเห็นถึงโอกาสในการขยายร้านอาหารอื่นในเครือเพิ่มเติม

ขณะที่ปัจจุบันร้านอาหารในเครือของมากุโระ กรุ๊ป ดำเนินกิจการร้านอาหารรวมทั้งหมด 28 สาขา คือ MAGURO ร้านอาหารญี่ปุ่นและซูชิสไตล์ระดับพรีเมียม ที่มีการนำเข้าวัตถุดิบพรีเมียมจากประเทศญี่ปุ่น 15 สาขา, SSAMTHING TOGETHER ร้านปิ้งย่างสไตล์เกาหลีวัตถุดิบพรีเมียม รสชาติถูกปากคนไทย 6 สาขา และ HITORI SHABU ร้านชาบูและสุกี้ยากี้หม้อเดี่ยวสไตล์คันไซ 7 สาขา โดยภายในปี 2567 บริษัทฯ มีแผนตั้งเป้าจะขยายสาขาร้านอาหารในเครือเพิ่มรวมถึงแผนการเปิดแบรนด์ใหม่รวมกันกว่าอีก 11 สาขา เพื่อรองรับความต้องการของฐานลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้นในอนาคต

ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด คาดการณ์กําไรในปี 2567-2568 จะเติบโตเนื่องจาก Economies of Scale ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวสูงขึ้นซึ่งมาจากการขยายสาขา 23 สาขา จาก 25 สาขาในปี 2566 เป็น 48 สาขาในปี 2568

นอกจากนั้นทางบริษัทยังมีแผนที่จะทําการเปิดแบรนด์ใหม่ ในปี 2567-2568 อีกด้วย ทําให้คาดการณ์ในปี 2567-2568 จะเป็นช่วงที่กำไรเติบโตสูงเฉลี่ย CAGR ราว 49.11% ต่อปี

ทั้งนี้ ประเมินราคาเป้าหมาย 22.39 บาท โดยอิง P/E เฉลี่ยของกลุ่มธุรกิจอาหารในตลาดที่ประมาณ 25.44 เท่า ซึ่งถือว่าไม่สูงมากเมื่อเทียบกับอัตราการเติบโตของกําไร

Back to top button