“จรีพร” มองการเมืองคลุมเครือ ปัจจัยหลักนักลงทุนกังวล
“จรีพร จารุกรสกุล” ชี้ปัญหาการเมือง ปัญหาหลักกระทบความเชื่อมั่นนักลงทุน มองไทยมีโอกาสเป็นศูนย์กลางผลิตรถยนต์อีวี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ ( 4 ก.ค.67 ) น.ส.จรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHAให้สัมภาษณ์ถึง สถานการณ์เศรษฐกิจในครึ่งปีหลังว่า เศรษฐกิจครึ่งปีหลังมีทิศทางที่ดีขึ้นจากปัจจัยการท่องเที่ยว และ ปัจจัยการเบิกจ่ายงบประมาณปี พ.ศ.2567-2568
แต่ไทยยังต้องเผชิญกับปัจจัยความท้าทายหลักของเศรษฐกิจในปี พ.ศ. 2567 ซึ่งประกอบด้วย 1.การดึงเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ให้เข้ามาในไทยมากที่สุด 2.การกระตุ้นการลงทุนตลาดทุนไทย 3.การดูแลเศรษฐกิจรากหญ้า โดยเฉพาะ การแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูงกว่า 90% รวมถึงช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยให้เติบโต
น.ส.จรีพร กล่าวว่า สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ ไทยกำลังเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ดังนั้นในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เซมิคอนดักเตอร์ กลุ่มเทคโนโลยี จะเริ่มดีขึ้นโดยการเข้ามาของนักลงทุนจีน และ สหรัฐ โดยกลุ่มแรกที่ย้ายฐานการผลิตมาคือ EV ต่อมาจะเป็นซัพพลายเชน รวมถึงดึงกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ กลุ่มแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB) เข้ามาในประเทศ
ส่วนปัจจัยที่บรรดา CEO และ นักลงทุนในประเทศและต่างประเทศ ยังมีความกังวลในการลงทุนในประเทศไทย คือ สถานการณ์ทางการเมืองที่ยังมีความไม่แน่นอน แต่ไม่ว่าการเมืองจะเป็นอย่างไร จะไม่มีผลต่อกฎหมายการลงทุนหรือไม่มีการยึดธุรกิจต่างชาติ แต่สิ่งที่กังวลคือ ช่วงนี้เป็นโอกาสทองของการลงทุน ถ้ารัฐบาลเข้มแข็งจะได้เปรียบ ตามเทรนด์การลงทุนของโลกได้ทัน
“อยากเห็นความต่อเนื่องการทำงานของภาครัฐ ทั้งเรื่องการแก้ไขกฎหมาย ก็ดี หรือ มาตรการกระตุ้นตลาดทุน ก็ดี ส่วนตัวเข้าใจรัฐบาลว่าอยู่ในบริบทที่ไม่ง่าย แต่เมื่อรัฐบาลประกาศมาตรการ หรือ คำสั่งใด ต้องเด็ดขาด อย่าให้ข้าราชการยึดกฎระเบียบมากเกินไป รอคำสั่งหรือหนังสือทางการ เท่านั้น ขั้นตอนการรอคำสั่ง ทำให้หลายๆมาตรการเดินต่อไม่ได้ กฎหมายมีหลายฉบับบอกจะโยนทิ้งก็ควรโยนทิ้ง รัฐบาลควรเด็ดขาดมากกว่านี้ ” นางสาวจรีพร กล่าว