BANPU เด้ง 4% รับเงินเฉียด 5 พันลบ. ขายหลุมก๊าซมะกัน โบรกชี้กำไรปีนี้แตะ 7.4 พันล้าน
BANPU ดีด 4% รับเงินเฉียด 5 พันล้านบาท ปรับพอร์ตโละหุ้น Chaffee บริษัทย่อยของ BKV ผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติในสหรัฐ ด้านโบรกประเมินปีนี้กำไร 7.4 พันล้านบาท เติบโต 37.76% ราคาเป้าหมายเฉลี่ย 6.28 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (4 ก.ค.66) ราคาหุ้น บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU ณ เวลา 10:09 น. อยู่ที่ระดับ 5.00 บาท บวก 0.20 บาท หรือ 4.17% สูงสุดที่ระดับ 5.05 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 4.96 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 161.83 ล้านบาท
สำหรับราคาหุ้นดีดกลับขึ้นมา ตอบรับข่าว นายสินนท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BANPU เปิดเผยว่า การจําหน่ายหุ้นในบริษัท BKV Chaffee Corners, LLC (Chaffee) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ BKV Corporation (BKV) และการจําหน่ายสินทรัพย์ที่ BKV ที่ไม่ได้เป็นผู้ดําเนินการผลิตใน Chelsea, LLC (Chelsea) รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 4,834 ล้านบาท สำเร็จเรียบร้อยแล้ว โดย BKV เป็นบริษัทย่อยที่บ้านปูถือหุ้นในสัดส่วน 96.38%
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 14 มิถุนายนที่ผ่านมา BKV ได้จําหน่ายหุ้นในบริษัท Chaffee ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ BKV ไม่ได้เป็นผู้ดําเนินการผลิต โดยมีปริมาณสํารองก๊าซธรรมชาติ 1P จํานวน 122 พันล้านลูกบาศก์ฟุต (ปริมาณสํารองตามวิธี NYMEX ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566) ครอบคลุมพื้นที่ 9,793 เอเคอร์ และมีหลุมก๊าซธรรมชาติจํานวน 116 หลุม (หรือเทียบเท่า 24 หลุมตามสัดส่วนความเป็นเจ้าของ) ในบริเวณรัฐเพนซิลเวเนียตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ NEPA โดยราคาขายตามสัญญาอยู่ที่ 105 ล้านเหรียญสหรัฐ และราคาที่จําหน่ายจริงมีมูลค่า 106.7 ล้านเหรียญสหรัฐ (เทียบเท่าประมาณ 3,917 ล้านบาท)
จากนั้นเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2567 ทาง BKV ได้จําหน่ายสินทรัพย์ที่เป็นแหล่งผลิตก๊าซธรรมชาติ ซึ่ง BKV ไม่ได้เป็นผู้ดําเนินการผลิตใน Chelsea โดยมีปริมาณสํารองก๊าซธรรมชาติ 1P จํานวน 35 พันล้านลูกบาศก์ฟุต (ปริมาณสํารองตามวิธี NYMEX ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566) ครอบคลุมพื้นที่ 6,770 เอเคอร์ และมีหลุมก๊าซธรรมชาติจํานวน 214 หลุม (หรือเทียบเท่า 15 หลุมตามสัดส่วนความเป็นเจ้าของ) โดยตั้งอยู่ในบริเวณ NEPA เช่นกัน มีราคาขายตามสัญญาและราคาที่จําหน่ายจริง 25 ล้านเหรียญสหรัฐ (เทียบเท่าประมาณ 917 ล้านบาท)
อย่างไรก็ตาม ภายหลังการจําหน่ายดังกล่าว BKV ยังคงมีพื้นที่การดําเนินธุรกิจก๊าซธรรมชาติใน NEPA ครอบคลุมประมาณ 19,800 เอเคอร์
โดยที่ผ่านมา BKV ทําการลงทุนใน Chaffee ในปี 2559 และ Chelsea ในปี 2560 ทั้งนี้การจําหน่ายหุ้นและสินทรัพย์ดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารจัดการสินทรัพย์ที่ไม่ได้เป็นส่วนหลัก และ BKV ไม่ได้เป็นผู้ดําเนินการผลิต เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อพอร์ตโฟลิโอโดยรวม โดย BKV สามารถนําเงินทุนที่ได้จากการจําหน่ายไปเพื่อพัฒนาและต่อยอดธุรกิจก๊าซธรรมชาติที่เป็นสินทรัพย์หลักและให้ผลตอบแทนสูง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ผู้บริหารบ้านปูมีแผนนำ BKV Corporation (BKV) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบ้านปูที่ดําเนินธุรกิจผลิตก๊าซธรรมชาติ (Shale Gas) และธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซฯ ในสหรัฐฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น New York Stock Exchange (NYSE) โดยรอให้สถานการณ์ตลาดหุ้นดีกว่านี้ จากเดิมที่เคยมีแผนนำเข้าตลาดหุ้นนิวยอร์กในปี 2566 โดยผู้บริหารบ้านปู เชื่อว่าจะมีสัญญาณที่ดีในช่วงครึ่งหลังของปี 2567
สำหรับ BKV มีกำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติใหญ่เป็นอันดับ 1 ในรัฐเทกซัส และเป็นอันดับที่ 16 ในสหรัฐฯ โดยมีปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติจาก 2 แหล่ง คือแหล่งก๊าซมาร์เซลลัส (Marcellus) ในรัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งเป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ และแหล่งก๊าซบาร์เนตต์ (Barnett) ในรัฐเทกซัส กำลังการผลิตรวมอยู่ที่ประมาณ 800-900 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน
นอกจากนี้รายงานข้อมูลจาก LSEG CONSENSUS ประเมินรายได้งวดปี 2567 ของบ้านปู ที่ 171,856 ล้านบาท กำไรสุทธิ 7,486 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.76% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ราคาเป้าหมายเฉลี่ย 6.28 บาท จาก 6 โบรกเกอร์