YGG ร่วง 18% หลัง “ธนัช” รับถูก “ฟอร์ซเซล” ฉงนล่องหนกว่า 200 ล้านหุ้น
YGG ร่วง 18% หลังนายธนัช จุวิวัฒน์ ผู้ถือหุ้นใหญ่ ถูกฟอร์ซเซล 3 ครั้งรวมทั้งหมด 222 ล้านหุ้น แม้ว่าโผล่ 3 รายชื่อใหม่ติดท็อป 10 ผู้ถือหุ้นใหญ่ และทางไทยเอ็นวีดีอาร์ ขยับขึ้นมาติดอันดับ 4 จากเดิมอยู่อันดับที่ 12 ดังนั้นอีก 200 ล้านหุ้นยังไม่ทราบว่าหุ้นกระจายอยู่ที่ใคร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (11 ก.ค.67) ราคาหุ้น บริษัท อิ๊กดราซิล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ YGG ณ เวลา 11:04 น. อยู่ที่ระดับ 1.59 บาท ลบ 0.34 บาท หรือ 17.62% สูงสุดที่ระดับ 1.96 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.40 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 160.81 ล้านบาท
สำหรับราคาหุ้นปรับตัวลดลงต่อเนื่อง สาเหตุจากกรณี YGG เปิดเผยว่า ช่วงวันที่ 2-4 กรกฎาคม 2567 นายธนัช จุวิวัฒน์ ได้ถูกทำรายการขายหุ้น (Force Sell) ผ่านระบบการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ฯ จำนวน 3 ครั้ง จำนวนรวม 221,879,026 หุ้น ดังนี้
1.เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2567 จำนวน 7,158,100 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 1.19 ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของบริษัทฯ ผ่านกระดานซื้อขายหลักทรัพย์
2.เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2567 จำนวน 11,153,606 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 1.85 ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของบริษัทฯ ผ่านกระดานซื้อขายหลักทรัพย์
3.เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2567 จำนวน 203,567,320 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 33.82 ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของบริษัทฯ ผ่านกระดานซื้อขายหลักทรัพย์
ทั้งนี้ จากการขายหุ้นดังกล่าว ส่งผลให้ นายธนัช เหลือหุ้นในพอร์ตเพียงแค่ 25,800,00 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 4.28% จากเดิมถือหุ้นจำนวน 247,679,026 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 41.14% และตกอันดับจากผู้ถือหุ้นใหญ่กลายเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 2 แทน
นอกจากนี้ นายธนัช ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ดังกล่าวจะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอำนาจในการควบคุมบริษัท นโยบายการดำเนินธุรกิจ โครงสร้างกรรมการและผู้บริหารแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าจับตาว่าหุ้นจำนวนกว่า 200 ล้านหุ้น ที่ถูกบังคับขายออกมาก่อนหน้านั้นจะไปอยู่ที่ใด พร้อมกันนี้ จากข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 8 ก.ค.67 พบว่าผู้ถือหุ้นเดิมใน 10 อันดับแรกส่วนใหญ่มีการเทขายหุ้นออกมา
ขณะเดียวกับพบผู้ถือหุ้นใหม่ 3 รายที่ติดอันดับผู้ถือหุ้นใหญ่ 10 อันดับแรก ได้แก่ นายสิทธาเกติ์ ปุกหุต ถือหุ้นจำนวน 16,000,000 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 2.65, นายวรัตม์เวช เหรียญเดชาเวชกุล ถือหุ้นจำนวน 12,404,000 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 2.06, นายวนนท์ วรรณป้าน ถือหุ้นจำนวน 7,000,000 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 1.16 ส่วน บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด ถือหุ้นจำนวน 17,981,897 หุ้น ขยับขึ้นมาติดอันดับ 4 จากเดิมอยู่อันดับที่ 12