น้ำมันดิบปิดพุ่ง 1.18 ดอลล์ หลัง IS โจมตีคลังน้ำมันลิเบีย
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (21 ม.ค.) หลังมีรายงานว่า กองกำลังรัฐอิสลาม (IS) ได้โจมตีคลังเก็บน้ำมันของลิเบีย ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไร หลังจากสัญญาน้ำมันดิบร่วงลงอย่างหนักก่อนหน้านี้
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 1.18 ดอลลาร์ หรือ 4.2% ปิด (21 ม.ค.) ที่ 29.53 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค.ที่ตลาดลอนดอน พุ่งขึ้น 1.37 ดอลลาร์ หรือ 4.9% ปิดที่ 29.25 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลาดน้ำมันนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่า กลุ่ม IS ได้ก่อเหตุโจมตีคลังเก็บน้ำมันของลิเบียเมื่อวานนี้ โดยกลุ่ม IS ใช้รถยนต์หลายสิบคันโจมตีคลังน้ำมันดังกล่าวซึ่งตั้งอยู่ในแหล่งน้ำมันราส ลานูฟ ทางตะวันออกของประเทศ ส่งผลให้ทหารลิเบีย 2 คนเสียชีวิตจากเหตุคาร์บอมบ์
ในช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น กองกำลัง IS ในลิเบียพยายามยึดแหล่งน้ำมันในการโจมตีหลายครั้ง ด้วยการใช้ระเบิดพลีชีพ โดยลิเบียประสบภาวะสุญญากาศทางการเมือง นับตั้งแต่ที่พันเอกมูอัมมาร์ กัดดาฟีถูกโค่นอำนาจในปี 2011 ส่งผลให้กองกำลังของกลุ่มหัวรุนแรงมีอิทธิพลในประเทศ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไร หลังจากที่สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงอย่างหนักในช่วงก่อนหน้านี้ อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาด
ทั้งนี้ ข่าวการโจมตีคลังน้ำมันในลิเบียและแรงซื้อเก็งกำไรถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุสัญญาน้ำมันดิบฟื้นตัวขึ้น และยังสามารถสกัดปัจจัยลบจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ที่ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 15 ม.ค. เพิ่มขึ้น 4 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 486.5 ล้านบาร์เรล ใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.3 ล้านบาร์เรล