เริ่มแล้ววันนี้ ธ.ก.ส. เดินหน้าประกันภัยข้าวนาปี ไร่ละ 1,190 บาท

ธ.ก.ส. เดินหน้าโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปี 67 ตามมติครม. คุ้มครอง7 ภัยธรรมชาติและภัยศัตรูพืช วงเงิน 1,190 บาทต่อไร่


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (16  ก.ค. 67) นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า ธ.ก.ส. พร้อมดำเนินโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2567 ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2567 เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการลดความเสี่ยงและสร้างภูมิคุ้มกันด้านการผลิตให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวให้สามารถประกอบอาชีพได้อย่างยั่งยืน รวมถึงเป็นการสานต่อความช่วยเหลือเกษตรกรไทย ด้วยการใช้การประกันภัยเป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ โดยโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2567 จะให้ความคุ้มครองความเสียหายจากภัยธรรมชาติ 7 ภัย ได้แก่ ภัยน้ำท่วม/ฝนตกหนัก ภัยแล้ง/ฝนแล้ง/ฝนทิ้งช่วง ลมพายุ/พายุไต้ฝุ่น ภัยอากาศหนาว/น้ำค้างแข็ง ลูกเห็บ ไฟไหม้ และช้างป่า วงเงินคุ้มครอง จำนวน 1,190 บาทต่อไร่ และกรณีเกิดภัยศัตรูพืช/โรคระบาด วงเงินคุ้มครอง 595 บาทต่อไร่ เป้าหมายพื้นที่กว่า 21 ล้านไร่ เกษตรกรผู้รับประโยชน์กว่า 600,000 ราย

สำหรับคุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ ต้องเป็นเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปีที่ขึ้นทะเบียนและแจ้งปรับปรุงข้อมูลเกษตรกับกรมส่งเสริมการเกษตร (ทบก.) ในปีการผลิต 2567/68 โดยการประกันภัยขั้นพื้นฐาน (Tier 1) เกษตรกรที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. ที่มีสถานะหนี้ปกติไม่ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันภัย เนื่องจากรัฐบาลสนับสนุนค่าเบี้ยประกันให้ (พร้อมอากรแสตมป์และภาษีมูลค่าเพิ่ม) และ ธ.ก.ส. ร่วมอุดหนุนให้ฟรี สูงสุดไม่เกิน 30 ไร่ต่อราย ในส่วนของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวทั่วไป รัฐบาลสนับสนุนค่าเบี้ยประกันภัยตามพื้นที่ความเสี่ยง ได้แก่ พื้นที่เสี่ยงต่ำ พื้นที่ความเสี่ยงปานกลาง และพื้นที่ความเสี่ยงสูง (ไม่รวมอากรแสตมป์และภาษีมูลค่าเพิ่ม) ซึ่งรัฐบาลจะอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยให้กับเกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการทุกราย ตามพื้นที่ความเสี่ยง ตั้งแต่ 65 – 69 บาทต่อไร่ (พร้อมอากรแสตมป์และภาษีมูลค่าเพิ่ม) นอกจากนี้ เกษตรกรยังสามารถจัดทำประกันภัยส่วนเพิ่ม (Tier 2) ในอัตรา 27 – 110 บาทต่อไร่ ตามพื้นที่ความเสี่ยง โดยจะได้รับความคุ้มครองเพิ่มขึ้นอีก 240 บาทต่อไร่ กรณีภัยศัตรูพืชและโรคระบาดคุ้มครองเพิ่ม 120 บาทต่อไร่

นายฉัตรชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีเกิดภัยพิบัติและพื้นที่ดังกล่าวได้รับการประกาศเขตภัยพิบัติฯ ทำให้พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย เกษตรกรผู้ทำประกันสามารถแจ้งความเสียหายที่สำนักงานเกษตรอำเภอในพื้นที่ โดยกรมส่งเสริมการเกษตรจะรวบรวมข้อมูลความเสียหายและส่งไปยังสมาคมประกันวินาศภัยไทย เพื่อประเมินความเสียหาย และเมื่อตรวจสอบครบถ้วนแล้ว สมาคมฯ จะพิจารณาจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามเงื่อนไขผ่านระบบ ธ.ก.ส. ภายใน 15 วัน โดยโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากของเกษตรกรโดยตรง นอกจากนี้ เกษตรกรยังสามารถบันทึกข้อมูล ความเสียหายผ่านแอปพลิเคชัน “มะลิซ้อน” เพื่อให้สมาคมประกันวินาศภัยไทยใช้พิจารณาให้ความช่วยเหลือในพื้นที่ภัยพิบัตินอกเขตประกาศตามเกณฑ์เพิ่มเติมต่อไป

ทั้งนี้ ในปีการผลิต 2565 ที่ผ่านมา มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการประกันภัยข้าวนาปีไปแล้วกว่า 1.9 ล้านราย พื้นที่รวมกว่า 26.7 ล้านไร่ และมีการจ่ายค่าสินไหมทดแทนในโครงการประกันภัยข้าวนาปีให้เกษตรกรไปแล้ว 137,823 ราย คิดเป็นพื้นที่การเกษตรกว่า 1.4 ล้านไร่

สำหรับ การประกันภัยด้านการเกษตรนั้น เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างภูมิคุ้มกันด้านการผลิตและสามารถช่วยเกษตรกรในการบริหารความเสี่ยงด้านการผลิตได้เป็นอย่างดี ในโอกาสนี้ ธ.ก.ส. ขอเชิญชวนเกษตรกรทั่วไปและลูกค้า ธ.ก.ส. เข้าร่วมโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2567 ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2567 (ยกเว้น 14 จังหวัดภาคใต้ ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567) และสามารถเลือกซื้อประกันภัยอื่นๆ ที่ให้ความคุ้มครองได้อีกมากมายผ่านแอปพลิเคชัน A Insure พร้อมชำระค่าเบี้ยประกันภัยได้อย่างสะดวกและรวดเร็วบนแอปพลิเคชัน BAAC Mobile หรือ Mobile banking ธนาคารอื่นๆ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ www.baac.or.th หรือ Call Center 02 555 0555

Back to top button