PLUS ดีดแรง 4% ลุ้นกำไรไตรมาส 2 นิวไฮ จ่อปิดดีลลูกค้าใหญ่ปลายปีนี้

PLUS เด้ง 4% ส่งซิกผลงานไตรมาส 2/67 นิวไฮหลังสินค้าใหม่ขายดี ขยายไลน์การผลิตขวด PET และขยายจุดจำหน่ายร้านวอลมาร์ตเพิ่มขึ้นแตะ 3,700 สาขา แย้มไตรมาส 3/67 โตต่อรับไฮซีซั่น ย้ำรายได้ปีนี้โต 40-50% ขณะที่ปลายปีนี้เร่งปิดดีลลูกค้ารายใหญ่เพิ่มอีก 1 ราย


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (17 ก.ค.67) ราคาหุ้น บริษัท โรแยล พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ PLUS ณ เวลา 10:07 น. อยู่ที่ระดับ 6.45 บาท บวก 0.25 บาท หรือ 4.03% สูงสุดที่ระดับ 6.45 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 6.30 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.03 ล้านบาท

นายพลแสง แซ่เบ๊ กรรมการผู้อำนวยการ PLUS เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/67 เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อน โดยจะเติบโตทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) ในรายไตรมาส ซึ่งบริษัทเคยมีผลการดำเนินงานนิวไฮในไตรมาส 2/65 มีรายได้จากการขายรวม 433 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 77 ล้านบาท โดยบริษัทจะมีการประชุมคณะกรรมการบริษัทเพื่ออนุมัติงบไตรมาส 2/67 ในวันที่ 13 ส.ค.67 นี้

โดยผลการดำเนินงานไตรมาส 2/67 ที่เติบโตมาจากปัจจัยบวก ได้แก่ 1.การออกสินค้าใหม่ (New Product) ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี 2.การมีกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากการขยายไลน์ผลิตขวด PET และ 3.มีช่องทางในการขายเพิ่มขึ้น ซึ่งหลัก ๆ มาจากการเพิ่มขึ้นของจุดจำหน่ายของร้านวอลมาร์ต (Walmart) ในปัจจุบันเป็น 3,700 สาขา จากเดิมมีเพียง 3,000 สาขา

ขณะที่ทิศทางการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/67 บริษัทคาดว่าจะเติบโตจากไตรมาสก่อนและช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมทั้งมีโอกาสที่จะเห็นการเติบโตแบบนิวไฮได้อีกด้วย เนื่องจากในช่วงไตรมาส 3 เป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมียอดคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) เข้ามาอย่างต่อเนื่อง และมีทิศทางเดียวกันกับไตรมาส 2/67

โดยคำสั่งซื้อหลัก ๆ ที่เพิ่มขึ้น มาจากตลาดอเมริกา ซึ่งในปี 66 มีสัดส่วนการส่งออก 52% ถือเป็นตลาดหลักของ PLUS นอกจากนี้ยังมีคำสั่งซื้อจากตลาดจีนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นการสั่งซื้อสินค้าในกลุ่มน้ำมะพร้าว 100% ที่เป็นขวด PET นอกจากนี้ยังมีตลาดยุโรปและตะวันออกกลาง ที่ยังคงสร้างยอดขายได้อย่างแข็งแกร่ง

สำหรับภาพรวมทิศทางการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของปี 67 บริษัทเชื่อว่าน่าจะดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งมาจากการออกสินค้าใหม่ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี และกำลังการผลิตไลน์ใหม่ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งในช่วงไตรมาส 2/67 บริษัทมีอัตราการใช้กำลังการผลิต (Capacity Utilization Rate) จากผลิตไลน์ใหม่เพิ่มขึ้นเป็น 30% จากไตรมาส 1/67 ที่ใช้ไปประมาณ 15%

นายพลแสง กล่าวต่อว่า บริษัทมั่นใจภาพรวมผลการดำเนินงานปี 67 จะสามารถผลักดันรายได้รวมให้เติบโตระดับ 40-50% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,436.62 ล้านบาท หรือมีโอกาสที่จะเติบโตนิวไฮได้ สอดคล้องกับการขยายตัวของยอดขายทั้งผลิตภัณฑ์เดิมและผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมทั้งการใช้กลยุทธ์ในการตลาด และการขายด้วยการเน้นแบรนด์ของตัวเอง (Own Brand) ของ PLUS มากขึ้น ส่วนเงินบาทที่อ่อนค่าถือเป็นปัจจัยบวกให้กับผลการดำเนินงานของบริษัทด้วย

นอกจากนี้ ปัจจุบันบริษัทยังเดินหน้าหาลูกค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าในช่วงปลายปี 67 จะเห็นความชัดเจนในการทำสัญญาซื้อขายกับลูกค้ารายใหญ่เพิ่มขึ้นอีก 1 ราย ซึ่งลูกค้ารายดังกล่าวจะเข้ามาช่วยผลักดันยอดขายในปี 68 ให้เติบโตอย่างมีนัยยะ ขณะที่ปัจจุบันบริษัทยังคงเดินหน้าขยายตลาดภายในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยการขยายช่องทางการขายสินค้าในกลุ่มน้ำมะพร้าว 100% เพิ่มมากขึ้น แต่สัดส่วนยอดขายจากในประเทศยังคงไม่มีนัยสำคัญ

Back to top button