DELTA บวกยาว 3 วันเกือบ 11% โบรกอัพเป้าใหม่ 120 บาท ปรับกำไรปีนี้โต 15%

DELTA วิ่งยาว 3 วันเฉียด 11% โบรกฯ แห่เพิ่มเป้าราคาใหม่ทะลุ 120 บาท รับงบไตรมาส 2/67 ดีเกินคาด แนวโน้มครึ่งปีหลังสดใส ผลจากการเติบโตดาต้าเซ็นเตอร์ เปิดตัวชิป AI ใหม่ปลายปีนี้ รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้ลดลง ล่าสุดปรับประมาณการกำไร DELTA ปี 67 เพิ่มขึ้น 15%


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (31 ก.ค.67) ราคาหุ้น บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA ณ เวลา 11:10 น. อยู่ที่ระดับ 100.50 บาท บวก 1 บาท หรือ 1.01% สูงสุดที่ระดับ 101 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 100 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 436.39 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 120 บาทจากเดิม 95 บาท คงคำแนะนำ “ซื้อ” DELTA เนื่องจากคาดว่าผลประกอบการในครึ่งหลังปี 2567 จะสดใส สะท้อนการปรับเพิ่มประมาณการกำไร และ การเพิ่มตัวคูณหุ้นจากเป้า PER ที่ 55 เท่า เป็น 62 เท่า

โดยกำไรปกติไตรมาส 2/67 ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 5.90 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 56% จากไตรมาสก่อน โดยผลประกอบการสูงกว่าการคาดการณ์การของ บล.กสิกรไทย 20% จากอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่สูงกว่า คาดการณ์ว่า DELTA บันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX) ที่ 379 ล้านบาท และกำไรพิเศษจำนวน 252 ล้านบาท จากการชดเชยการยกเลิกสัญญา กำไรสุทธิอยู่ที่ 6.60 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 41% จากปีก่อน และ 52% จากไตรมาสก่อน ซึ่งถือเป็นไตรมาสที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์

สำหรับยอดขายเติบโดอย่างแข็งแกร่ง รายได้อยู่ที่ 1.13 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 11% จากปีก่อน และ 6.8% จากไตรมาสก่อน รายได้ที่เติบโตได้รับแรงหนุนจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นในทุกรายการ รายได้จากกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์กำลังอยู่ที่ 613 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 12% จากปีก่อน และ 11% จากไตรมาสก่อน หนุนโดยการฟื้นตัวของยอดขายผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับศูนย์ข้อมูล (data center) และการเพิ่มขึ้นของ ระบบจัดการพลังงานประสิทธิภาพสูงเพื่อรองรับเซิร์ฟเวอร์ AI รายได้จาก ธุรกิจยานยนต์ หรือ mobility เติบโตขึ้น 14% จากปีก่อน และ 4% จากไตรมาสก่อน เป็น 317 ล้านดอลลาร์

ด้านอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้น GPM เพิ่มขึ้นเป็น 26.90% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดใหม่ตั้งแต่ไตรมาสที่ 2/63 โดยได้รับแรงหนุนจาก 1) ส่วนผสมผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้นจากการเปลี่ยนไปเน้นผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรสูง 2) การประหยัดต่อขนาด ที่ดีขึ้น 3) ประโยชน์จากเงินบาทที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ 4) การไม่มีบันทึกการปรับลดมูลค่าสต๊อกสินค้าจำนวน 20 ล้านเหรียญดอลลาร์ ในไตรมาสที่ 1/67 5) การกลับรายการการตั้งสำรองจากมูลค่าที่รับรู้ได้สุทธิ 267 ล้านบาท หลังจากบันทึกการตั้งสำรอง ติดต่อกัน 12 ไตรมาส

ทั้งนี้คาดการณ์ว่ารายได้ในครึ่งหลังของปี 67 จะแข็งแกร่งขึ้น มองว่า DELTA จะรายงานรายได้ ที่แข็งแกร่งขึ้นในครึ่งหลังของปี 67 จาก 1) การเติบโตอย่างแข็งแกร่งของโครงสร้างพื้นฐาน data center และเพาเวอร์โซลูชั่นระดับเซิร์ฟเวอร์ ตามการเติบโตของงบลงทุน (capex) ที่มากกว่า 30% จากปีก่อน ของ Hyperscalers ในปี 67 2) การเปิดตัวชิป AI ใหม่ ในช่วงปลายปี 67 จากลูกค้าหลักของ DELTA 3) คาดว่าค่าใช้จ่ายในการขายและ บริหาร (SG&A) ต่อรายได้จะลดลง เนื่องจากยอดขายพาวเวอร์ซัพพลาย GPU ใหม่จะถูกพัฒนาโดย DELTA ประเทศไทยเอง

โดยปรับประมาณการกำไรปี 67-69 ขึ้น 15%/6%/11% ตามลำดับ ปรับเพิ่มประมาณการ กำไรเพื่อสะท้อนสมมติฐาน GPM ที่แข็งแกร่งขึ้น โดย ณ ขณะนี้ คาดว่ารายได้จาก เพาเวอร์โซลูชั่น GPU จะคิดเป็น 9%/14%/19% ในปี 67-69 ตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม เราปรับเพิ่มสมมติฐาน SG&A ต่อรายได้ และเพิ่มประมาณการอัตราภาษีที่แท้จริง เป็น 15% ตั้งแต่ปี 68 เป็นต้นไป เพื่อสะท้อนการจัดเก็บอัดราภาษีเงินได้ธุรกิจขั้นต่ำ ของ OECD ที่ จะอาจถูกนำมาใช้ในประเทศไทย

บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มองการประชุมนักวิเคราะห์ร่วมกับผู้บริหาร DELTA วานนี้ เป็นบวกมาจาก AI เป็นหลัก แนวโน้มครึ่งปีหลังยังโตแรงต่อ โดยเป็น Order มาจาก Delta Taiwan และให้เป้าสัดส่วน AI สิ้นปี 67 อยู่ที่ 10%

ขณะที่ปัจจุบัน DELTA กำลังพัฒนา AI ของตนเองที่โรงงานในเยอรมนี คาดจะเริ่มรับรู้รายได้เล็กน้อยในครึ่งปีหลัง แต่จะชัดเจนใน 68 ซึ่งหากมาได้จริงจะยิ่งช่วยหนุนกำไร เพราะ DELTA ไม่ต้องจ่ายค่า Technical service fees ให้กับ Delta Taiwan สำหรับรายได้ AI ที่พัฒนาเอง

ส่วน EV คาดจะทยอยฟื้นตัวในครึ่งปีหลังยังมาจากลูกค้ายุโรปเป็นหลัก ส่วนตลาดสหรัฐอเมริกายังไม่ฟื้นมากนัก และ Data center (Non-AI) คาดยังโตระดับปานกลาง

สำหรับปัจจัยหนุนการเติบโตหลังจากนี้จะมาจาก AI เป็นหลัก ทั้งยอดที่ไต้หวันส่งมาให้ และยอดที่ประเทศไทยพัฒนาได้เอง ทั้งนี้บริษัทไม่มีเป้าหมายการเติบโต AI ให้ แต่คิดว่าจะเห็นการโตเร่งขึ้นในช่วง 1-2 ปีนี้ ด้วยฐานที่ต่ำ และคิดว่าอาจโตได้มากกว่าอุตสาหกรรม หาก Delta Taiwan ส่งคำสั่งซื้อให้ต่อเนื่อง เพราะนอกจาก Delta Taiwan จะรับรู้กำไรจาก DELTA แล้ว ยังได้รับเงินค่า Royalty fees และ Technical Service Fees ด้วย

ด้านตัวแปรสำคัญอีกส่วน คือ การประเมินมูลค่าหุ้น หรือ Valuation ในช่วงที่สัดส่วนรายได้ AI กำลังเร่งขึ้น ทำให้ DELTA จะยังได้รับ Premium valuation ต่อไประดับ P/E 50-60 เท่า จากความคาดหวังว่ากำไรจะเติบโตสูง และน่าจะเป็นเพียงไม่กี่บริษัทในตลาดหุ้นไทยที่มีรายได้เกี่ยวข้องกับ AI แบบชัดเจน แม้จะเป็นเพียงต้นน้ำก็ตาม (สินค้าที่ DELTA ผลิตใน AI คือ Power System) จะปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 68 เบื้องต้นอยู่ในกรอบ 107-110 บาท

อย่างไรก็ตามมีความเสี่ยง จากความผันผวนของคำสั่งซื้อทั้งจาก ภาพรวมเศรษฐกิจโลกและการแข่งขัน, การตั้งสำรองสินค้าและการกลับรายการที่เกิดขึ้นเป็นประจำ และ P/E ที่ค่อนข้างสูง ดังนั้นจึงแนะนำ “เก็งกำไร”

บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ปรับประมาณการ EPS ของ DELTA ในปี 67-69 ขึ้น 4-9% หลังปรับเพิ่มสมมติฐาน GPM ส่งผลให้ราคาเป้าหมายของ DELTA เพิ่มเป็น 100 บาท จากเดิม 92.75 บาท ซึ่งยังเท่ากับ P/E 48.80 เท่าในปี 68 ยังแนะนำ ถือ เพราะมองว่าบริษัทน่าจะมี EPS เติบโตแข็งแกร่งในปี 67-69 จากความต้องการพลังงานและระบบระบายอากาศที่เพิ่มขึ้นในดาต้าเซ็นเตอร์ จากการใช้งาน AI อย่างแพร่หลาย

Back to top button