SUN วิ่ง 3% เก็งกำไรไตรมาส 2 สดใส ครึ่งปีหลังโตต่อรับ “ไฮซีซั่น”

SUN บวก 3% ลุ้นโชว์กำไรไตรมาส 2/67 โตเด่น พร้อมส่งซิกผลงานครึ่งปีหลังโตกว่าครึ่งปีแรกรับไฮซีซั่น โชว์แบ็กล็อกกว่า 2,500 ตู้ มูลค่ากว่า 35 ล้านเหรียญสหรัฐ ลุยขยายตลาดใหม่ๆ เริ่มส่งมอบสินค้าล็อตแรกกว่าสิบตู้ให้ลูกค้าสหรัฐอเมริกา


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (6 ส.ค.67) ราคาหุ้น บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) หรือ SUN ณ เวลา 10:03 น. อยู่ที่ระดับ 3.82 บาท บวก 0.10 บาท หรือ 2.69% สูงสุดที่ระดับ 3.82 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 3.82 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 0.06 ล้านบาท

ด้าน นายวีระ นพวัฒนากร กรรมการบริหาร และผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงินของ SUN เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของปี 67 มีทิศทางที่ดีกว่าช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 3/67 เนื่องจากคู่ค้าจะเรียกเก็บสินค้าเพื่อใช้ในไตรมาสต่อ ๆ ไป ซึ่งในช่วงไตรมาส 3 และ 4 ของปี ถือว่าเป็นช่วงฤดูการส่งมอบสินค้าของบริษัท โดยล่าสุดบริษัทมียอดขายรอส่งมอบ (Backlog) ในมือแล้ว 2,500 ตู้ มูลค่ารวมประมาณ 35 ล้านเหรียญสหรัฐ จะมีการทยอยส่งมอบในช่วงครึ่งปีหลังนี้เป็นหลัก

“ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ซึ่งผ่านมาแล้วหนึ่งเดือน คือ เดือนกรกฎาคม เราเห็นมีทิศทางที่ดีกว่าช่วงไตรมาส 1/67 และไตรมาส 2/67 การเรียกสินค้าของลูกค้ามีความราบรื่นมากขึ้น ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมาได้มีการออกงานแสดงสินค้าต่าง ๆ ซึ่งล่าสุดเราไปออกบูธที่อินโดนีเซียได้รับการตอบรับที่ดี ลูกค้าเก่าทั้งในญี่ปุ่น ใต้หวัน และเกาหลี มีคำสั่งซื้อเข้ามาต่อเนื่อง ส่วนตลาดอเมริกาที่เราเพิ่งไปเปิดใหม่นั้น เราได้เริ่มส่งสินค้าล็อตแรกไปแล้วในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา” นายวีระ กล่าว

ทั้งนี้ ในช่วงเดือนก.ค.ที่ผ่านมา บริษัทได้เริ่มส่งสินค้าล็อตแรกไปให้ลูกค้าใหม่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดใหม่ที่บริษัทได้เริ่มทำการตลาดในช่วงที่ผ่านมา โดยมีออเดอร์หลักสิบตู้ ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดี และเชื่อว่าในอนาคตจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

สำหรับในปี 67 บริษัทเชื่อว่ารายได้จะเติบโตจากปี 66 ที่มีรายได้รวม 3,706.10 ล้านบาท โดยจะมาจากการขยายตลาดใหม่ ๆ การร่วมงานแสดงสินค้าเพื่อหาลูกค้าใหม่ ๆ รวมถึงการออกสินค้าใหม่ ๆ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากการขายสินค้าในกลุ่มข้าวโพดหวานอยู่ที่ 80% และมีรายได้จากการขายสินค้าในกลุ่ม Ready-to-eat (สินค้าพร้อมรับประทาน) ซึ่งจะมีการขายเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น มีสัดส่วนอยู่ที่ 20%

โดยปัจจุบัน SUN มีสินค้าในกลุ่ม Ready-to-eat รวมจำนวน 13 รายการ และยังมีแผนออกสินค้าใหม่ ๆ ในทุกๆ ไตรมาส ซึ่งเร็ว ๆ นี้ บริษัทมีแผนจะออกสินค้าลำไย ถั่วแระ เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันยอดขายสินค้าในกลุ่ม Ready-to-eat ในประเทศไทยในปี 2567 ดีขึ้นอย่างมาก โดยมีการผลิตเต็มกำลังที่ประมาณ 120,000-130,000 ชิ้นต่อวัน โดยบริษัทมีการลงทุนขยายอาคารแห่งใหม่ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต ใช้งบลงทุน 150 ล้านบาท สำหรับก่อสร้างอาคารใหม่

เพื่อขยายกำลังหารผลิตเพิ่มสินค้ากลุ่ม Ready-to-eat เป็น 200,000 ชิ้นต่อวัน (หากรวมกำลังการผลิตข้าวโพดหวานแล้วจะเป็น 300,000 ชิ้นต่อวัน) ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสในการขาย และสามารถออกสินค้าใหม่ ๆ ได้เพิ่มขึ้น ซึ่งกำลังการผลิตใหม่ดังกล่าว จะยืดระยะเวลาของสินค้ากลุ่ม Ready-to-eat ให้ยาวขึ้นถึง 1 ปีด้วย จากเดิมที่มีระยะเวลาเพียง 7 วัน ซึ่งจะเป็นโอกาสในการขยายตลาดของบริษัทด้วย

ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/67 บริษัทคาดว่าจะดีกว่าไตรมาส 1/67 ที่บริษัทมีรายได้รวม 768.87 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 54.93 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามฤดูกาลขายของบริษัท และจะมีการประชุมคณะกรรมการบริษัทเพื่ออนุมัติงบในวันที่ 9 ส.ค.นี้ ทั้งนี้ โดยปกติในช่วงไตรมาส 1 ยอดขายจะชะลอตัว เนื่องจากลูกค้าสั่งสินค้าไปสต๊อกไว้ตั้งแต่ไตรมาส 4 ขณะที่ไตรมาส 2 จะค่อย ๆ กลับมามากขึ้น ส่วนไตรมาส 3 และ 4 จะเป็นไตรมาสที่มีการส่งของมากสุดของปี

“สินค้าของ SUN เป็นอาหาร โดยมีสินค้าในกลุ่มข้าวโพดหวานเป็นหลัก สินค้าของ SUN ราคาไม่แพง เวลามีภาวะเศรษฐกิจเข้ามาจึงไม่ได้รับผลกระทบ และสินค้าของ SUN บางตัวเป็น Ingredient products (สินค้าส่วนผสม) ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องใช้ การส่งออกอาจจะมีการเลื่อนไปบ้าง แต่ยังไปต่อได้เรื่อย ๆ และจะกลับมาเป็นปกติหลังจากผ่านช่วงนั้น ๆ ไป  จะเห็นได้ว่า SUN มีออเดอร์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงว่ายังคงมีความต้องการที่สม่ำเสมอ” นายวีระ กล่าว

บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิของ SUN ในงวดครึ่งหลังของปี 67 จะเพิ่มขึ้นจากครึ่งปีแรก เพราะไตรมาสที่สามเป็นช่วงที่การส่งออกสูงตามฤดูกาล และคาดการณ์ว่าจะมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเนื่องจากเงินบาทแข็งค่าขึ้น

อย่างไรก็ตามตลาดส่งออกยังคงเป็นความท้าทายของ SUN ในปีนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับฐานที่สูงในปี 2566 เพราะการแข่งขันเข้มข้นมากขึ้น ทั้งนี้ บริษัทกำลังพยายามจะจับตลาดใหม่ๆ

โดยเฉพาะในสหรัฐ ซึ่งSUN มีความสามารถในการแข่งขันของสินค้าบางรายการที่ต้องใช้แรงงานคน ในขณะเดียวกันคาดการณ์ว่าบริษัทจะเข้าสู่วัฏจักรการเติบโตอย่างเป็นชิ้นเป็นอันรอบใหม่หลังจากที่โรงงาน RTEs แห่งใหม่สร้างเสร็จในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า (กำลังการผลิตจะเพิ่มขึ้น 200%)

ทั้งนี้ SUN ได้พัฒนาสินค้า RTE ที่มีอายุเก็บรักษานานขึ้นสำหรับตลาดส่งออก และเริ่มจัดส่งสินค้าล็อตแรก (มันหวาน) ไปญี่ปุ่นแล้วเพื่อทดสอบตลาดในเดือนกรกฎาคม

อย่างไรก็ตามเนื่องจากการแข่งขันเข้มข้นมากขึ้น และคาดการณ์ว่าการส่งออกข้าวโพดหวานจะลดลง จึงปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 ลง 11% เหลือ 288 ล้านบาท (ลดลง 20% จากงวดเดียวของปีก่อน) และ ปี 68 ลง 13% เหลือ 355 ล้านบาท (ลดลง 23% จากงวดเดียวของปีก่อน) เพราะเราปรับลดประมาณการยอดขายปีนี้ลง 10% และ ปีหน้าลง 6% อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่ากำไรจะผ่านจุดต่ำสุด และแนวโน้มระยะกลาง และยาวจะเป็นบวกจากการขยายตัวของกลุ่ม RTEs ดังนั้นจึงปรับเพิ่มคำแนะนำจากขายเป็นถือ และ ขยับไปใช้ราคาเป้าหมายครึ่งแรกปี 68 ที่ 4.20 บาท จากเดิมที่ 4.10 บาท

Back to top button