BBIK วิ่งฉิว 11% ส่งซิกครึ่งปีหลังโตแกร่ง โชว์แบ็กล็อกนิวไฮ 1.37 พันล้าน
BBIK บวก 11% โชว์แบ็กล็อกนิวไฮ 1.37 พันล้านบาท หนุนผลงานครึ่งหลังของปีนี้โตแกร่ง ทุบสถิติโตต่อเนื่อง 8 ปีซ้อน พร้อมมองเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวจากภาคการท่องเที่ยว-การใช้จ่ายภาครัฐกลับมาเร่งตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (9 ส.ค.67) ราคาหุ้น บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK ณ เวลา 11:39 น. อยู่ที่ระดับ 32.50 บาท บวก 3.25 บาท หรือ 11.11% สูงสุดที่ระดับ 33.25 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 30.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 42.66 ล้านบาท
นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BBIK เปิดเผยว่า การทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันหรือแผนงานที่เกี่ยวข้องกับระบบดิจิทัลยังอยู่ในกระแสความต้องการของภาคธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพราะเทคโนโลยีมีการพัฒนาตลอดเวลาและธุรกิจยุคใหม่ล้วนต้องพึ่งพาเทคโนโลยีและนวัตกรรม ดังนั้น ความต้องการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันและการปรับใช้เทคโนโลยี (Technology Adoption) ขององค์กรลูกค้าจึงกลับมาอย่างรวดเร็วเมื่อเศรษฐกิจส่งสัญญาณบวก
โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการเงินและธนาคาร ประกัน และค้าปลีก ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในการใช้จ่ายด้านเทคโนโลยี ด้วยเหตุนี้ บริษัทฯ จึงประเมินว่าปัจจัยเหล่านี้จะสนับสนุนให้ผลประกอบการในครึ่งปีหลังของบลูบิคจะฟื้นตัวและเติบโตไม่น้อยกว่า 15% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ผนวกกับการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีทั้งในส่วนของบริษัทแม่และบริษัทในเครือเต็มปี และการบริหารจัดการภายในเพื่อลดต้นทุน รวมถึงผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งของธุรกิจที่บริษัทฯ ลงทุนไปก่อนหน้านี้ อาทิ บริษัทร่วมทุน ซอส สกิลส์ หนุนให้ภาพรวมของผลประกอบการปี 67 สามารถทำนิวไฮต่อเนื่องได้อีกครั้ง
“เทคโนโลยีมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เกิดคลื่นเทคโนโลยีใหม่ ๆ มากมาย ยกตัวอย่างเช่น AI ที่กำลังเข้ามาพลิกโฉมการทำธุรกิจ ซึ่งปัจจุบันกระแส AI Transformation ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ด้วยเหตุนี้การเปลี่ยนผ่านและปรับใช้เทคโนโลยีของภาคธุรกิจจึงอยู่ในกระแสความต้องการอย่างต่อเนื่อง ยิ่งมีการพัฒนาและทำให้ต้นทุนลดลงได้ ยิ่งเร่งให้การใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีขยายตัวมากขึ้น
ดังนั้นความท้าทายของบลูบิคในฐานะบริษัทที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีที่มีจำนวนบุคลากรด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (Tech Talents) มากเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ คือ การเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการรับงานให้สอดกับความแนวโน้มและต้องการดังกล่าว ด้วยเหตุนี้เราจึงเร่งผสานความร่วมมือและปรับแผนการดำเนินงานกับบริษัทในเครืออย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบริษัท บลูบิค วัลแคน และ บริษัท อินโนวิซ โซลูชั่นส์ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการส่งมอบงานให้กับลูกค้าและรองรับการขยายตัวของบลูบิคในอนาคต” นายพชร กล่าวเพิ่มเติม
โดยแผนงานครึ่งหลังของปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าปรับ Utilization Rate ของพนักงานบริษัทในเครือจาก 50% เป็น 55-60% พร้อมเพิ่มจำนวนผู้บริหารประสบการณ์สูงในหลายตำแหน่ง เช่น ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ (COO) และประธานเจ้าหน้าที่พัฒนาธุรกิจ (CCO) เพื่อเสริมแกร่งกระบวนการทำงาน รวมถึงเพิ่มความเข้มข้นในการทำ Cross-Selling, Up-Selling ขยายการให้บริการและผลิตภัณฑ์ผ่านฐานลูกค้าของบริษัทในเครือ และเริ่มดำเนินการแผน Cross Resource เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานสูงสุดและลดต้นทุนการบริหารจัดการที่ไม่จำเป็น ซึ่งแผนงานดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารจัดการต้นทุนและเตรียมความพร้อมรองรับการขยายตัวของบริษัทฯ ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ที่มีความต้องการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันสูง
ในส่วนตลาดต่างประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง ประกอบไปด้วยเวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศที่เศรษฐกิจอยู่ในช่วงขาขึ้น ทำให้มีลูกค้าที่พร้อมลงทุนด้านเทคโนโลยีจำนวนมาก รวมถึงมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ที่ภาคธุรกิจกำลังให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมมากขึ้นต่อเนื่อง นอกจากนี้ บลูบิคยังมองเห็นโอกาสในการขยายสัดส่วนลูกค้าเพิ่มเติมนอกเหนือจากภาคเอกชน โดยพบว่ากลุ่มลูกค้าภาครัฐมีความต้องการพัฒนาระบบที่ซับซ้อนและสามารถรองรับผู้ใช้งานจำนวนมหาศาล ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการรุกตลาดนี้อย่างจริงจัง
สำหรับผลประกอบการ 6 เดือนแรกประจำปี 67 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 114 ล้านบาท ลดลง 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้อยู่ที่ 708 ล้านบาท โต 17% จากปีก่อน และในส่วนของผลประกอบการไตรมาส 2 ประจำปี 67 กำไรสุทธิของบริษัทฯ อยู่ที่ 43 ล้านบาท ลดลง 40% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ และมีรายได้ 339 ล้านบาท ลดลง 8% ซึ่งการปรับตัวลงของผลประกอบการเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ เกิดจากความกังวลของภาคธุรกิจที่มีต่อภาวะเศรษฐกิจที่ผ่านมา ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลพวงจากภาครัฐชะลอการเบิกจ่ายงบประมาณตั้งแต่ปี 66 – 67 ทำให้ลูกค้าเลื่อนการพิจารณาการประมูลงาน อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันแผนงานที่เกี่ยวกับดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันของลูกค้าได้กลับมาดำเนินการตามปกติแล้ว
“ภายใต้บริบทความท้าทายที่เกิดขึ้นในหลายช่วงเวลาที่ผ่านมา เป็นบทพิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งของบลูบิคที่สามารถรักษาเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 10 ปี และปีนี้เรากำลังย่างเข้าสู่ปีที่ 11 อย่างภาคภูมิ โดยบลูบิคยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาที่ไม่หยุดยั้ง และให้ความสำคัญกับการเติบโตธุรกิจจากการเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการและบริหารต้นทุนอย่างเหมาะสม เพื่อรักษาไว้ซึ่งความไว้วางใจทั้งจากองค์กรลูกค้าและนักลงทุน” นายพชร กล่าว