SIRI บวก 2% หลังแจ้งขาย “SIM-Bunkhouse” รวม 1.2 หมื่นล. บุ๊กก้อนแรก 5 พันล้าน
SIRI วิ่ง 2% หลังแจ้งขาย 2 โครงการ “SIM-Bunkhouse” ให้กับ “ไฮแอท” มูลค่า 1.2 หมื่นล้านบาท บันทึกก้อนแรก 5 พันล้านบาทไตรมาส 3 นี้ นำเงินเสริมสภาพคล่องบริษัท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (21 ส.ค.67) ราคาหุ้น บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI ณ เวลา 10:04 น. อยู่ที่ระดับ 1.67 บาท บวก 0.04 บาท หรือ 2.45% สูงสุดที่ระดับ 1.69 บา ต่ำสุดที่ระดับ 1.66 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 76.03 ล้านบาท
บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2567 Standard International Holdings, LLC. (SIH) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยทางอ้อมที่บริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วนประมาณร้อยละ 71 โดยถือผ่าน Sansiri (US), Inc. (บริษัทย่อยทางตรงซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้นทั้งหมด) พร้อมด้วย (2) บริษัทย่อยที่ SIH ถือหุ้นทั้งหมด ได้แก่ Standard International Ventures, LLC. (SIV) และ (3) Standard International, LLC. (SI) (รวมเรียก SIH, SIV และ SI ว่า “ผู้ขาย”) ได้ตกลงจำหน่ายส่วนได้เสียในความเป็นเจ้าของในกิจการ (equity interests) ที่ถืออยู่ทั้งหมดใน (ก) Standard International Management, LLC.
รวมทั้งบริษัทย่อยที่เกี่ยวข้อง (รวมเรียกว่า SIM) และ (ข) Standard International BH Investor, LLC. รวมทั้งบริษัทย่อยที่เกี่ยวข้อง (รวมเรียกว่า Bunkhouse) ให้แก่ Hyatt Corporation และ Hyatt International Corporation (ผู้ซื้อ) ทั้งนี้เป็นไปตามหลักการที่ได้รับอนุมัติภายใต้มติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 7/2567 เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2567
ทั้งนี้ ผู้ขายได้เข้าทำสัญญากับผู้ซื้อในการจำหน่ายส่วนได้เสียในความเป็นเจ้าของในกิจการ (equity interests) ที่ถืออยู่ทั้งหมดใน SIM และ Bunkhouse ในราคาซื้อขายรวมประมาณไม่เกิน 355,000,000 เหรียญสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นราคาที่ตกลงร่วมกันระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อ โดยมีองค์ประกอบดังต่อไปนี้
1) ค่าตอบแทนเริ่มแรก (Upfront) จำนวน 150,000,000 เหรียญสหรัฐอเมริกา (ราว 5 พันล้านบาท) โดยจะชำระเมื่อธุรกรรมเสร็จสมบูรณ์ 2) ค่าตอบแทนตามผลการดำเนินงาน (Earnout) จำนวนไม่เกิน 175,000,000 เหรียญสหรัฐอเมริกา (ราว 7 พันล้านบาท) สำหรับโรงแรม และโครงการที่พักอาศัยแห่งใหม่ภายใต้แบรนด์ของ SIM และ Bunkhouse ซึ่งจะชำระโดยมีเงื่อนไขว่าโครงการใหม่ ดังกล่าวจะต้องก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดดำเนินการภายในกรอบเวลาที่กำหนดหลังจากการทำธุรกรรมเสร็จสมบูรณ์ (Earnout Period)
สำหรับการทำธุรกรรมดังกล่าวคาดการณ์ว่าจะเกิดประโยชน์ต่อบริษัท เนื่องจากจะช่วยเสริมสร้างสถานะทางการเงินของบริษัท อันเนื่องมาจากมูลค่าของธุรกรรมที่น่าพอใจและทำให้สามารถนำเงินทุนไปใช้เพื่อการพัฒนาใหม่ในโอกาสที่น่าสนใจ อื่น ๆ ตามเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ของบริษัท
นอกจากนี้ ยังก่อให้เกิดประโยชน์ในระยะยาวด้วยการใช้ประโยชน์จากความ เชี่ยวชาญและชื่อเสียงซึ่งเป็นที่รู้จักของ Hyatt ผ่านทรัพย์สินต่าง ๆ ของบริษัทฯ ที่บริหารจัดการหรือได้รับสิทธิ แฟรนไชส์ภายใต้ Hyatt ตลอดจนการทำงานร่วมกันเชิงกลยุทธ์อื่น ๆ ในอนาคต