TEAMG พุ่งต่อ 13% รับจับมือ DITTO ลุยงานนิคมฯ 14 แห่ง-สวนสัตว์ใหม่ 5 พันล้าน

TEAMG พุ่งต่อ 13% รับจับมือ DITTO ลุยงานการนิคมอุตสาหกรรม 14 แห่ง เพื่อบริหารจัดการการใช้พื้นที่และระบบสาธารณูปโภคต่าง ๆ รวมมูลค่า 143 ล้านบาท รวมทั้งโครงการสวนสัตว์แห่งใหม่เฟสแรก 5,000 ล้านบาท และพิพิธภัณฑ์ไม้มีค่าเพื่อแผ่นดิน


ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (22 ส.ค.67) ราคาหุ้นบริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEAMG ณ เวลา 10:25 น. อยู่ที่ระดับ 4.42 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 12.76% สูงสุดที่ระดับ 4.62 ต่ำสุดที่ระดับ 4.14 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 136.97 ล้านบาท โดยราคาหุ้นขึ้นแรงในรอบ 4 เดือน โดยเทียบตั้งแต่หุ้นยืนที่ระดับ 4.50 บาท เมื่อวันที่ 17 เม.ย.67 และปรับตัวขึ้นต่อจากวานนี้ปิดซิลลิ่งที่ระดับ 3.92 บาท

นายฐกร รัตนกมลพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DITTO เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า บริษัทร่วมกับ TEAMG รับงานการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เพื่อบริหารจัดการการใช้พื้นที่และระบบสาธารณูปโภคต่าง ๆ ในนิคมอุตสาหกรรมทั้ง 14 แห่ง มูลค่ารวม 143 ล้านบาท โดยนำเสนอในรูปแบบแพลตฟอร์มแบบจำลองเสมือนของวัตถุทางกายภาพ ที่ถูกสร้างขึ้นจากการบูรณาการเทคโนโลยี หรือ  Digital Twin ซึ่งปัจจุบันก็เริ่มรับรู้รายได้เข้ามาแล้ว

โดยแพลตฟอร์มดังกล่าวจะนำเสนอในรูปแบบ 3 มิติ แสดงถึงผังโครงการระบบสาธารณูปโภคต่าง ๆ ทั้งไฟฟ้า น้ำประปา เพื่อใช้ในการบริหารจัดการพื้นที่ภายในนิคมอุตสาหกรรม จะช่วยให้ผู้ใช้พื้นที่สามารถเข้าไปซ่อมแซม หรือก่อสร้างต่อเติมได้สะดวก ไม่ต้องเสียเวลาไปค้นหาอีกต่อไป

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวยังสามารถต่อยอดขยายส่วนงานต่าง ๆ ของเมืองในอนาคต เช่น สนามบิน ท่าเรือ ตึก อาคารสำนักงาน เป็นต้น ควบคู่กับเรื่องพลังงานสะอาด โดยเฉพาะงานด้านควบคุมงานและออกแบบสนามบิน TEAMG เป็นผู้ชำนาญในด้านนี้ อยู่ระหว่างดำเนินการในหลายโครงการ ทั้งที่ภูเก็ตและเชียงใหม่

นอกจากนี้ DITTO ร่วมกับ TEAMG ทำโครงการก่อสร้างสวนสัตว์แห่งใหม่ ระยะที่ 1 อ.คลองหก จังหวัดปทุมธานี ภาพรวมใหญ่มีความคืบหน้าประมาณ 25% โดยไตรมาส 2/2567 จะยังรับรู้รายได้ไม่มากนัก แต่ไตรมาส 3/2567 และไตรมาส 4/2567 จะรับรู้รายได้ค่อนข้างมาก รวมประมาณ 1 พันล้านบาท

ส่วนปี 2568 จะสามาระรับรู้รายได้ได้เต็มปี และล่าสุดได้มีการปรับคอนเซปต์การออกแบบเป็น Future Zoo โดยให้เป็นสวนสัตว์ที่ทันสมัยชั้นนำของโลก  ขณะที่โครงการพิพิธภัณฑ์ไม้มีค่าเพื่อแผ่นดินที่ร่วมกับ TEAMG จะสามารถเริ่มรับรู้รายได้ในครึ่งปีหลังนี้

นายฐกร กล่าวอีกว่า DITTO แนวโน้มผลประกอบการบริษัทช่วงครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ที่มีการรับรู้รายได้จากงานเดิมในมือ (Backlog) อย่างเดียว โดยครึ่งปีหลังจะมีการรับรู้รายได้ทั้งจาก Backlog และงานใหม่ที่เข้ามา จึงเชื่อว่าทิศทางจะดีไปจนถึงไตรมาส 4/2567

ทั้งนี้ ครึ่งปีหลังบริษัทมีมูลค่างาน Backlog ประมาณ 400-500 ล้านบาท อาทิ งานกรมที่ดิน มูลค่างานที่ชนะประมูลทั้งหมด 480 ล้านบาท ร่วมกับบริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAMART คาดว่าจะเซ็นสัญญาภายในเร็ว ๆ นี้ ครอบคลุมพื้นที่ 36 จังหวัด จำนวน 212 สำนักงานที่ดิน อาทิ ประจวบคีรีขันธ์ ชัยนาท เป็นต้น

สำหรับงานแปลงเอกสารสารบบที่ดินและหลังโฉนดจากเอกสารกระดาษเข้าสู่ระบบดิจิทัล มีมูลค่ารวมทั้งโครงการประมาณ 2,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยแบ่งเป็นเฟสย่อย ๆ เนื่องจากมีเอกสารจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับสัญญาต่าง ๆ ของโฉนดแต่ละแปลง โดยคาดว่าจะสามารถโอนกรรมสิทธิ์โฉนดข้ามจังหวัดได้ภายในปี 2559 มีจำนวนแปลงที่ดินกว่า 45-50 ล้านแปลง ที่จะต้องดำเนินการให้เข้าสู่ระบบดิจิทัล

นายฐกร กล่าวว่า ข้อมูลที่ DITTO จัดทำให้กับกรมที่ดิน จะนำไปเก็บไว้ในระบบคลาวด์กลาง ของกรมฯ ซึ่งสำนักงานที่ดินแต่ละพื้นที่สามารถดึงข้อมูลดังกล่าวไปใช้ได้ ดังนั้นการโอนกรรมสิทธิ์ในอนาคตจึงมีความสะดวกไม่ต้องเดินทางไปที่สำนักงานที่ดินที่เป็นที่ตั้งของที่ดินดังกล่าว เช่น ที่ดินตั้งอยู่เชียงใหม่ สามารถโอนที่กรุงเทพฯ หรือนนทบุรี หรือจังหวัดใดก็ได้ทั่วประเทศ โดยงานแปลงโฉนดเป็นระบบดิจิทัลจะมีเข้ามาตลอดทั้งปี 2568 จนถึงปี 2569 และจะมีงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมเข้ามาหลังจากนั้น

นอกจากนี้มีงานแปลงเอกสารเป็นดิจิทัลร่วมกับธนาคารพาณิชย์และกระทรวงยุติธรรม โดยส่วนของแบงก์จะทำเกี่ยวกับสัญญาเงินกู้ ส่วนกระทรวงยุติธรรมจะเกี่ยวข้องกับเอกสารเกี่ยวกับคดีต่าง ๆ ที่หลังจากนี้ไปศาลจะสามารถเรียกดูเอกสารได้รวดเร็วจะสะดวกยิ่งขึ้น

ในส่วนของความคืบหน้าของ Carbon Credit Token ร่วมกับทาง Token X นั้น ปัจจุบันได้มีการขึ้นทะเบียนป่า 20,000 ไร่ ที่เป็น Premium T-VER ไปแล้ว ส่วนที่เหลืออีก 16,000 ไร่ อยู่ระหว่างการส่งเรื่องให้องค์การก๊าซเรือนกระจก หรือ อบก. พิจารณาการขึ้นทะเบียน คาดว่าจะพิจารณาแล้วเสร็จในช่วงเดือน ก.ย.นี้ ต่อจากนั้นจะเป็นในส่วนของการดำเนินการเรื่องการออกเหรียญกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งยังเป็นไปตามแผนเดิมที่วางไว้ แต่จะสามารถออกเหรียญ Carbon ได้ในช่วงไตรมาส 4/2567 หรือไม่ขึ้นอยู่กับทางตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งมูลค่าที่ออกเหรียญประมาณ 400-500 ล้านบาท เป็นรูปแบบกรีนโทเคน เพื่อให้กองทุน TESG สามารถเข้าลงทุนได้

โดยก่อนหน้านี้ TEAMG ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ตรวจสอบและเป็นที่ปรึกษาคาร์บอนฟุตพรินต์ของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยด้วย ขณะเดียวกัน TEAMG ยังได้มีการทำ MOU กับบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM ที่มีเทคโนโลยีดาวเทียม เพื่อร่วมมือกันในการตรวจสอบคาร์บอนเครดิตมีความแม่นยำ น่าเชื่อถือมากขึ้น และลดค่าใช้จ่าย โดยจะเริ่มดำเนินการในโครงการแม่ฟ้าหลวง

นายฐกร มองว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทและ TEAMG  มีแนมโน้มที่ดีในครึ่งหลัง จากงบประมาณภาครัฐที่ออกมามากขึ้น เริ่มเห็นผลได้จากสัญญางานในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ โดยเฉพาะงานฝั่ง Data และ Digital ครึ่งปีหลังเริ่มกลับมาจากการที่ภาครัฐเริ่มทยอยเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี โดยขอบข่ายงานมีการขยายมากขึ้น ทั้งนี้คาดว่าปี 2567 บริษัทจะมีมูลค่างานในมือ Backlog อย่างน้อย 5,000 ล้านบาท ซึ่งจะเกิดในครึ่งปีหลัง 500 ล้านบาท

Back to top button