หุ้น “ตระกูลเจ” วิ่งคึก! JMART-SINGER-JMT นำทีมพุ่ง ชี้ “ผลประกอบการ” ครึ่งหลังแจ่ม

“กลุ่มเจมาร์ท” วิ่งคึก! JMART-SINGER-JMT นำทีมพุ่ง ชี้ผลงานผ่านจุดต่ำสุด-ครึ่งปีหลังแจ่ม พร้อมรับรู้ผลประกอบการบริษัทลูก JMT-J-สุกี้ตี๋น้อยหนุนเด่น พ่วง SINGER-SGC เทิร์นอะราวด์ ชู Locked Phone ดันยอดสินเชื่อเติบโตแถม NPL ที่อยู่ในระดับต่ำ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(23 ส.ค.67) ราคาหุ้นกลุ่มเจมาร์ทขึ้นยกแผง โดยบริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JMART ณ 15:22 น. อยู่ที่ระดับ 14.20 บาท บวก 0.80 บาท หรือ 5.97% สูงสุดที่ระดับ 14.40 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 13.40 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 322.59 ล้านบาท

ด้านบริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER ณ เวลา 15:24 น. อยู่ที่ระดับ 8.95 บาท บวก 0.65 บาท หรือ 7.83% สูงสุดที่ระดับ 9.40 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 8.35 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 138.11 ล้านบาท

บริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ SGC ณ เวลา 15:25 น. อยู่ที่ระดับ 1.35 บาท บวก 0.05 บาท หรือ 3.85% สูงสุดที่ระดับ 1.37 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.30 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 91.41 ล้านบาท

บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ณ เวลา 15:28 น. อยู่ที่ระดับ 15.30 บาท บวก 0.80 บาท หรือ 5.52% สูงสุดที่ระดับ 15.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 14.40 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 519.24 ล้านบาท

บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) หรือ J ณ เวลา 15:27 น. อยู่ที่ระดับ 1.62 บาท บวก 0.06 บาท หรือ 3.85% สูงสุดที่ระดับ 1.64 บาท ต่ำสุดที่ระดับ1.57 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.40 ล้านบาท

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด ASL ระบุในบทวิเคราะห์ว่า หุ้นกลุ่มเจมาร์ท นำโดย JMART, JMT, SINGER, SGCJ ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องหลังรายงานผลประกอบการไตรมาส 2/67 ที่ออกมาน่าพอใจ ภายใต้เศรษฐกิจชะลอตัว และตลาดคาดหวังแนวโน้มช่วงที่เหลือของปียังเติบโตต่อเนื่อง โดยภาพการลงทุนในระยะถัดไปมีความเห็นต่อ J group ดังนี้

สำหรับ JMART โดยผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว พร้อมรับรู้ผลประกอบการของบริษัทลูกที่เติบโต (JMT J สุกี้ตี๋น้อย) และ turnaround (SINGER SGC) โดยรับ sentiment เชิงบวกจากสัปดาห์หน้า ตลท. จัดงาน Thailand Focus 2024 ซึ่ง JMART ได้เข้าร่วมงานให้ข้อมูลกับนักลงทุนสถาบันและต่างประเทศ รวมถึงในช่วงก่อนการเปิดตัว Iphone มักให้ผลตอบแทนที่โดดเด่นกว่าตลาด (ตลาดคาดการณ์ IPhone 16 เปิดตัว 10 ก.ย.นี้)

แนะนำ“ซื้อเก็งกำไร” มีราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ที่ 15.00 ส่วนระยะสั้นเน้นยืนแนวรับ 13.00 บาท ไม่ควรต่ำกว่าลงมา เพื่อคงโมเมนตัมบวก แนวต้าน Neck line รูปแบบ V-shape ที่ 14.40 บาท

ส่วน JMT แนวโน้มผลประกอบการครึ่งหลังปี 67 เติบโตเทียบครึ่งแรกปีก่อนจาก 1. การจัดเก็บหนี้ที่ดีขึ้น คาดจะจัดเก็บได้ราว 1.5 พันล้านบาท/ไตรมาส (เทียบกับผลงานครึ่งแรกปี 67 เฉลี่ย 1.3 พันล้านบาท ไตรมาส) 2. เดินหน้าซื้อหนี้เข้าพอร์ตเพิ่มเติม เตรียมงบลงทุนซื้อหนี้อีก 2 พันล้านบาทในครึ่งปีหลัง จากครึ่งปีแรกใช้ซื้อหนี้ไปแล้ว 500 ล้านบาท ทำให้มีการบริหารหนี้ในพอร์ตรวม 5.2 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีก่อนที่ 5.1 แสนล้านบาท 3. ค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองลดลงจาก Vintage NPL (จากช่วงโควิด-19) ลดลง

โดยรับ sentiment เชิงบวกจาก 1. ลุ้น covered short กลับมา โดยเฉพาะ fund flow จากนักลงทุนต่างชาติ หลังราคาปัจจุบันลดลง 43% นับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน 2. โครงการแจกเงินดิจิทัล ที่มีการเปลี่ยนรูปแบบการจ่ายเงินเป็นเงินสด แก่กลุ่มเปราะบาง หนุนกลุ่ม Domestic play 3. มาตรการควบคุมการซื้อขายในตลาดทุน ช่วยลดความผันผวนของราคาหุ้นในระยะกลาง-ยาวได้ 4. เตรียมจับมือกับธนาคารพันธมิตรในการจัดตั้ง JV AMC แห่งที่ 2 (หลังจากก่อตั้ง JK AMC ร่วมกับ KBANK)

โดยแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” มีราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ที่ 16.60 ส่วนระยะสั้นเน้นยืนแนวรับ 14.50-14.00 บาท ไม่ควรต่ำกว่าลงมา เพื่อคงโมเมนตัมบวก แนวต้าน 15.00 บาท, 16.00 บาท และ 16.60 บาท

ส่วน SINGER ปรับธุรกิจใหม่ โดยโฟกัสในเรื่อง แคมเปญ Locked Phone ที่ประสบความสำเร็จทั้งยอดสินเชื่อที่เติบโต และ NPLs ที่อยู่ในระดับต่ำ จึงนำไปสู่การขยายธุรกิจไปยังกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า ผ่านพาร์ทเนอร์ของ SG Finance+  ซึ่งปัจจุบันมีประมาณ 4,000 ราย นอกจากนี้ยังขยายเครือข่ายผ่าน Multi-Channel Network (MCN) and Affiliate เพื่อทำการตลาดรูปแบบใหม่ร่วมกับพาร์ทเนอร์ต่างๆ เพื่อขายสินค้าของ SINGER (ปัจจุบันมีร้าน SINGER 110 สาขา และร้านเติมใจ 30 สาขาทั่วประเทศ)

โดยมองครึ่งหลังปี 67 ยอดขายโต 25% เทียบครึ่งแรกปี 67 ตามการขยายช่องทางการขายผ่าน SG Finance+ ในส่วนของเครื่องใช้ไฟฟ้ามากขึ้น (ปัจจุบันใน้โมเดลธุรกิจ Locked phone แล้วประสบความสำเร็จ) และหา offline partner มากขึ้น ส่วนเป้าลดต้นทุน 10% เทียบครึ่งแรกปีนี้จากการ lean process อีกครั้ง

โดยแนะนำ“ซื้อเก็งกำไร” มีราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ที่ 9.50 บาท ส่วนระยะสั้นเน้นยืนแนวรับ 8.40-8.20 บาท ไม่ควรต่ำกว่าลงมา เพื่อคงโมเมนตัมบวก แนวต้าน 8.70 บาท ,9.00 บาท และ 9.50 บาท

ด้าน SGC ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว โดยมีสินเชื่อโทรศัพท์มือถือ SG Finance+ เป็นผลิตภัณฑ์เรือธงที่จะเข้ามาสนับสนุนแผนการเติบโตของกลุ่มบริษัทในช่วงต่อจากนี้ โดยตั้งเป้าสินเชื่อเติบโตแตะ 100,000 สัญญา/เดือน ภายในสิ้นปีนี้ ขณะที่ได้ปรับลดสัดส่วนสินเชื่อ C4C ลงเพื่อควบคุมคุณภาพสินเชื่อ และลดแรงกดดันจากการตั้งสำรอง ส่งผลให้แนวโน้มครึ่งหลังปี 67 เติบโตเทียบครึ่งแรกปีนี้

โดยในเดือนก.ค.67 มียอดปล่อยสินเชื่อ Locked Phone 33,000 สัญญา/เดือน มากกว่าเป้า 30,000 สัญญา สนับสนุน 7 เดือนแรกปีนี้มีสินเชือสะสมกว่า 60,000 สัญญา (คิดเป็น 0.4% ของพอร์ทสินเชื่อรวม) พร้อมเติบโตในเดือน ส.ค.รับตลาดสมาร์ทโฟนกำลังเข้าไฮซีซั่น โดยบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับร้าน Dealer ต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด เช่น Advice, Power Buy, AIS Buddy เป็นต้น เพื่อเข้าร่วมโครงการ SG Finance+ รวมถึงจับมือร้านค้าพันธมิตรเจ้าของแบรนด์มือถือ (Brand Shop) เพิ่ม เช่น Oppo Brand Shop, Vivo Brand Shop, True shop และ Xiaomi Shop เป็นต้น ซึ่งจะทำให้บริษัทมีร้านค้าพันธมิตรรวมกว่า 5,000 แห่งทั่วประเทศภายในปี 67

ด้านผู้บริหารให้ข้อมูลว่าในเดือนที่ผ่านมามีโทรศัพท์ที่ถูก locked ราว 1 พันกว่าเครื่อง คิดเป็น 3%+/- ของจำนวนเครื่องทั้งหมด และหลังจาก locked ไปแล้ว มีการกลับมาจ่ายเงินราว 70-80%

แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” มีราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ที่ 1.60 ส่วนระยะสั้นเน้นยืนแนว 1.30 ไม่ควรต่ำกว่าลงมา เพื่อคงโมเมนตัมบวก แนวรับถัดไป 1.24/1.20 ส่วนแนวต้าน 1.40/1.50/1.60

ส่วน J ประสบความสำเร็จในการเปิดศูนย์การค้า JAS Green Village ประเวศ เป็นแห่งที่ 7 ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา สนับสนุนกำไรเติบโตก้าวกระโดด และคาดจะเปิดอีก 1 แห่งภายในไตรมาส 3 ปีนี้ ที่รามคำแหง ขณะที่ปัจจุบันมี Occ Rate เฉลี่ยกว่า 90% และพยายามควบคุมค่าใช้จ่าย พร้อมกับการรักษากระแสเงินสดให้เพียงพอต่อการดำเนินงาน

โดยผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ทั้งปี 67 จะเติบโตก้าวกระโดดหรือไม่น้อยกว่า 30% จากปีก่อน ที่มีรายได้ 581.10 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 192.6 ล้านบาท

แนะนำ“ซื้อเก็งกำไร” มีราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ที่ 1.80 บาท ส่วนระยะสั้นเน้นยืนแนว 1.52* ไม่ควรต่ำกว่าลงมา เพื่อคงโมเมน ตัมบวก ส่วนแนวต้าน 1.65 บาท และ 1.80 บาท

Back to top button