BEM ดีดบวก 4% รับ “กทพ.” ไฟเขียวยืดสัมปทาน 22 ปี แลกสร้างทางด่วน 2 ชั้นฟรี
BEM ดีดบวก 4% รับ กทพ.ไฟเขียวงานสร้างทางด่วน 2 ชั้น มูลค่า 3.5 หมื่นล้านบาท แลกขยายสัมปทานขั้นที่ 1 และขั้นที่ 2 กว่า 22 ปี 5 เดือน เซ็นสัญญาปีนี้ เริ่มก่อสร้างทันที หลังแจงป.ป.ช. ห่วงเอื้อเอกชน ยันให้ BEM ก่อสร้างคุ้มกว่า รัฐไม่ต้องใช้งบประมาณ หากเปิดประมูลใหม่ต้นทุนพุ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(26ส.ค.67) ราคาหุ้นบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ณ เวลา 10:59น. อยู่ที่ระดับ 7.90 บาท บวก 7.90 บาท หรือ 3.95% ราคาสูงสุด 7.95 บาท ราคาต่ำสุด 7.75 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 329.60 ล้านบาท
ด้านนายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยว่า กทพ.ได้สรุปผลการเจรจากับบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM เรียบร้อยแล้ว กรณีการลงทุนโครงการทางพิเศษยกระดับชั้นที่ 2 สายงามวงศ์วาน-พระราม 9 (Double Deck) วงเงินประมาณ 35,000 ล้านบาท โดยให้ BEM เป็นผู้ลงทุน Double Deck พร้อมปรับลดค่าผ่านทางด่วนขั้นที่ 1 และขั้นที่ 2 สายงามวงศ์วาน-พระราม 9 ให้เหลือไม่เกิน 50 บาทตลอดสาย แลกกับการขยายสัญญาสัมปทานทางด่วนขั้นที่ 1 และขั้นที่ 2 ให้ BEM ออกไปอีก 22 ปี 5 เดือน
ทั้งนี้ BEM ได้นำส่งเรื่องดังกล่าวไปยังกระทรวงคมนาคมแล้ว เพื่อเสนอเรื่องไปตามหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ สำนักงานอัยการสูงสุด, คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ, คณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (คณะกรรมการ PPP) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา โดยคาดว่ากระบวนการทั้งหมดจะเสร็จสิ้นพร้อมลงนามสัญญากับเอกชนได้ภายในปีนี้ และเริ่มการก่อสร้างปลายปีนี้ทันที ใช้เวลาประมาณ 3 ปี จะสามารถเปิดให้บริการได้
ส่วนกรณีสำนักเฝ้าระวังและประเมินสภาวการณ์ทุจริตสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทำหนังสือถึงผู้ว่ากทพ. เพื่อขอรับทราบข้อเท็จจริงกรณีกทพ.เจรจากับ BEM เพื่อแก้ไขสัญญาสัมปทานทางพิเศษศรีรัช และอยู่ระหว่างนำเสนอครม.เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ ซึ่งมีความเสี่ยงที่อาจทำให้รัฐเสียผลประโยชน์ และอาจเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนคู่สัญญานั้น นายสุรเชษฐ กล่าวว่า กทพ.ได้ส่งหนังสือชี้แจงกลับไปยังป.ป.ช.เรียบร้อยแล้ว
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กทพ.ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงไปยังป.ป.ช.ว่า การดำเนินโครงการ Double Deck เป็นไปเพื่อแก้ปัญหาการจราจรบนทางด่วน ซึ่งปัจจุบันมีความหนาแน่นสูงมาก โดยกทพ.มิต้องสูญเสียงบประมาณกว่า 3.5 หมื่นล้านบาท เพราะให้เอกชนรับผิดชอบลงทุนก่อสร้าง Double Deck เองทั้งหมด แลกกับการขยายระยะเวลาสัมปทานออกไป คือเป็นการใช้เวลาแลกเงินและหากใช้วิธีเปิดประกวดราคาใหม่ วงเงินลงทุนจะสูงกว่า 35,000 ล้านบาท แน่นอน เนื่องจากเป็นงานยาก เพราะเป็นการสร้างทางด่วนใหม่คร่อมทางด่วนเดิมที่ยังมีการใช้งานตลอดเวลา
ขณะเดียวกันจากการศึกษาพบว่าปัญหาการจราจรติดขัดบนทางด่วนสร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจมากถึง 7,000 ล้านบาทต่อปี หากรอให้ BEM หมดสัญญาสัมปทานในปี 2578 ก่อน จึงจะมีการเจรจาหรือพิจารณาหาแนวทางแก้ปัญหา จะทำให้เกิดความสูญเสียมากขึ้นตามระยะเวลาที่นานออกไป
สำหรับโครงการ Double Deck มีรูปแบบเป็นทางพิเศษยกระดับชั้นที่ 2 ซ้อนทับอยู่บนทางพิเศษศรีรัช มีจุดเริ่มต้นโครงการบริเวณทางแยกต่างระดับงามวงศ์วานไปสิ้นสุดโครงการบริเวณถนนพระราม 9 รวมระยะทาง 17 กิโลเมตร (กม.) มีด่านเก็บค่าผ่านทาง 2 ตำแหน่ง ได้แก่ ด่านเก็บค่าผ่านทางบริเวณประชาชื่น และด่านเก็บค่าผ่านทางบริเวณมักกะสัน มีทางขึ้น-ลง 3 ตำแหน่ง ได้แก่ ทางขึ้น-ลงจุดเริ่มต้นโครงการบริเวณทางแยกต่างระดับงามวงศ์วาน ทางขึ้น-ลงบริเวณย่านพหลโยธิน และทางขึ้น-ลงจุดสิ้นสุดโครงการบริเวณโรงพยาบาลพระราม 9 และตำแหน่งที่มีเฉพาะทางลงจำนวน 1 ตำแหน่ง ได้แก่ ทางลงบริเวณทางแยกต่างระดับมักกะสัน