ANAN พุ่ง 10% หลังกฤษฎีกาตีความ “แอชตัน อโศก” ขอใบอนุญาตก่อสร้างใหม่ได้

ANAN พุ่ง 10% หลังกฤษฎีกาให้ความเห็นโครงการ “แอชตัน อโศก” ไม่ต้องทุบ สามารถขอใบอนุญาตก่อสร้างใหม่ได้ โบรกคาดขั้นตอนจบในไตรมาส 3/67 อย่างเร็ว แต่ช้าสุดไม่เกินไตรมาส 4/67


บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN ณ เวลา 10:52 น. อยู่ที่ระดับ 0.75 บาท บวก 0.07 บาท หรือ 10.29% สูงสุดที่ระดับ 0.76 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 0.70 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 20.55 ล้านบาท

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(27 ส.ค.67) ว่า หุ้น ANAN มีมุมมอง  positive ต่อความคืบหน้าของโครงการ Ashton Asoke จากประเด็นที่กฤษฎีกาให้ความเห็นว่าสามารถกลับไปขอใบอนุญาตก่อสร้างใหม่ได้

โดยขั้นตอนหลังจากนี้คือ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จะเสนอเรื่องไปที่กระทรวงคมนาคม เพื่อนำเรื่องเข้าสู่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อีกครั้งภายหลังครม. อนุมัติใบอนุญาต โครงการนี้ก็จะถือว่าถูกต้องตามกฎหมาย คาดขั้นตอนจบในไตรมาส 3/67  เป็นอย่างเร็ว แต่ช้าสุดคาดไม่เกินไตรมาส 4/67 ราคาหุ้นในระยะสั้นน่าจะตอบรับเชิงบวก เพราะประเด็น overhang จะหมดไป

ส่วนแผนการออกหุ้นกู้ในช่วงไตรมาส 4/67 หรือการเปิดโครงการใหม่ในไตรมาส 4/67 น่าจะทำได้ เพราะโอกาสในการหา แหล่งเงินทุนทั้งจากแบงก์และหุ้นกู้จะมีโอกาสมากขึ้น โดย ANAN มีแผนเปิด 2 โครงการคอนโดใหม่ในไตรมาส 4/67 มูลค่ารวม 16.4 พันล้านบาท

อย่างไรก็ตามระยะ 3-4 ไตรมาสข้างหน้ายังเป็นช่วงเวลาประคองตัว โดยพยายามรักษาการดำเนินงานหลักให้ถึงจุดคุ้มทุนให้ได้ ผ่านการระบาย stock และเตรียมแผนคืนหุ้นกู้รอบ ม.ค.68 อีก 3 พันล้านบาท มองโอกาสกลับมา turnaround อยู่ในครึ่งหลังปี 68 เป็นอย่างเร็ว ภายหลังโครงการใหม่เริ่มโอนหรือ active การกลับมาเปิดโครงการมากขึ้น

ทั้งนี้ ในไตรมาส 3/67 มองทั้งพรีเซล,ยอดโอนมีโอกาสเพิ่มเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นเทียบไตรมาสก่อนหน้า และคาดการดำเนินงานหลักเพียงคุ้มทุนหรือขาดทุนเล็กน้อย ซึ่งไม่เหนือความคาดหมาย ส่วนความชัดเจนจาก Ashton Asoke คาดมองเป็นปัจจัยบวกระยะสั้น

ส่วนทิศทางธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังปี 67-ครึ่งแรกปี 68  ยังเน้นเรื่องบริหารสภาพคล่อง ผ่านการระบาย stock ด้วย price promotion ทำให้คาด % GPM residential ยังต่ำเพียง 21-22%

สำหรับหุ้นกู้ที่รอชำระคืนอีกครั้งในเดือน ม.ค.68 ที่ราว 3.0 พันล้านบาท ANAN มีแผนออกหุ้นกู้ชุดใหม่มาเพื่อชำระคืน และถึงแม้ IB D/E น่าจะเริ่มทรงตัวที่ 1.4 เท่า แต่ต้นทุนหนี้สิน(cost of debt) ที่ยังสูงกว่าปกติที่ 6.0-6.5% น่าจะยังกดดันการดำเนินงานหลักโดยภาพรวมแผนธุรกิจช่วงครึ่งปีหลังปี 67-ครึ่งแรกปี 68 เพียงการประคับประคองตัวและรักษาสภาพคล่อง

โดยคงประมาณการดำเนินงานหลักในปี 67 อยู่ที่ขาดทุน 150 ล้านบาท และมีโอกาสเป็นกำไรในปี 68 คงราคาเป้าหมายที่ 0.70 บาท/หุ้น คงแนะนำ Reduce มองโอกาส turnaround จะเห็นเร็วสุดในครึ่งหลังปี 2568 เป็นต้นไป

Back to top button