“แอปเปิล” คาดการณ์รายได้ในไตรมาสสิ้นเดือนมี.ค.ปีนี้ ลดลงครั้งแรกในรอบ 13 ปี

"แอปเปิล" คาดการณ์รายได้ในไตรมาสสิ้นเดือนมี.ค.ปีนี้ ลดลงครั้งแรกในรอบ 13 ปี เหตุยอดขาย iPhone ชะลอตัว-ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นซึ่งทำให้สินค้าของแอปเปิลมีราคาแพงขึ้น


แอปเปิลออกแถลงการณ์คาดการณ์ว่า รายได้ในไตรมาสสิ้นเดือนมี.ค.ปีนี้จะปรับตัวลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่พ.ศ. 2546 เนื่องจากความต้องการ iPhone ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อยอดขายของบริษัทได้เข้าสู่ภาวะอิ่มตัว และดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นซึ่งทำให้สินค้าของแอปเปิลมีราคาแพงขึ้น

ทั้งนี้ แอปเปิลคาดการณ์ว่า ในไตรมาสสิ้นสุดเดือนมี.ค.ปีนี้ รายได้ของบริษัทจะอยู่ที่ 5 – 5.3 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 13 ปี และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 5.5 หมื่นล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ยังคาดการณ์ผลกำไรเบื้องต้นเอาไว้ที่ 39-39.5% ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินก่อนหน้าที่ 39.97%

ส่วนไตรมาสที่สิ้นสุดเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา ยอดขาย iPhone อยู่ที่ 74.77 ล้านเครื่อง ซึ่งสูงขึ้นเมื่อเทียบกับ 74.5 ล้านเครื่องเมื่อหนึ่งปีก่อน แต่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 76.54 ล้านเครื่อง

ส่วนแอปเปิลยังเปิดเผยรายได้สุทธิในไตรมาสในไตรมาสเดียวกัน อยู่ที่ 1.836 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 1.9% เมื่อเทียบรายปี ส่วนรายรับในช่วงเดียวกันอยู่ที่ 7.46 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 1.7%

ทั้งนี้ แอปเปิลไม่สามารถพึ่งพาจีนเพียงประเทศเดียวในการผลักดันการก้าวกระโดดของบริษัทอีกต่อไป โดย Luca Maestri ประธานการเงินของแอปเปิลเปิดเผยว่า บริษัทรับรู้ถึงถึงผลกระทบจากภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่มีความแตกต่างกันมาก และทางแอปเปิลเริ่มเห็นความอ่อนแรงในจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ฮ่องกง

สำหรับยอดขายแอปเปิลในจีน ซึ่งรวมถึงฮ่องกงและไต้หวันนั้น ปรับตัวขึ้น 14% สู่ระดับ 1.837 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่สิ้นสุดเดือนธ.ค. ซึ่งร่วงลงอย่างหนักเมื่อเทียบกับการขยายตัว 84% ในไตรมาสที่สิ้นสุดเดือนก.ย. ทั้งนี้ หุ้นแอปเปิลปิดขยับลง 0.2% ที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้

Back to top button