สลายขั้วการเมือง! ภายใต้ “รัฐบาลอุ๊งอิ๊ง” โอกาสพลิกฟื้นตลาดทุน–เศรษฐกิจไทย
เอกชน เชื่อนายกฯคนรุ่นใหม่ อายุน้อย ทั่วโลกยอมรับ บริหารประเทศได้ ภายใต้รัฐบาลการสลายขั้วทางการเมือง ของ “นายกฯอุ๊งอิ๊ง” โอกาสพลิกฟื้นตลาดทุน–เศรษฐกิจไทย
ย้อนกลับไป ช่วงที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้รับการโหวตเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรี มีข้อมูลจาก ฟิทช์ เรทติ้งส์ (Fitch Ratings) บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับโลก วิเคราะห์สถานการณ์การเมืองไทยต่อระบบเศรษฐกิจ ว่าการที่รัฐสภาไทยให้ความเห็นชอบ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่อย่างรวดเร็ว และได้รับโปรดเกล้าฯ เมื่อวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา น่าจะช่วยรักษาความต่อเนื่องของนโยบายได้อย่างดี
ตอกย้ำด้วยภาพ เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม ที่ผ่านมา น.ส.แพทองธาร เข้าหารือกับ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.), สภาหอการค้าไทย และ สมาคมธนาคารไทย เพื่อร่วมกันหาแนวทางพลิกฟื้นเศรษฐกิจ ภายหลังการหารือดังกล่าว นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย ออกมาเปิดเผยว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้รับการโหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 แทนนายเศรษฐา ทวีสิน ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสิทธิให้พ้นจากความเป็นนายกรัฐมนตรี ทางภาคเอกชนยอมรับว่า น.ส.แพทองธาร มีความสดใหม่ และ ภาพลักษณ์ของคนรุ่นใหม่ ในยุคนี้การมีนายกรัฐมนตรีที่อายุยังน้อย เป็นที่ยอมรับของทั่วโลกมากขึ้น เพราะในต่างประเทศก็มีนายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยและเป็นผู้หญิง ดังนั้นคงไม่ใช่ปัญหาในการเข้ามาบริหารประเทศ อีกทั้งยังจะเป็นแนวโน้มเป็นบวกกับเศรษฐกิจไทย
ส่วนความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติจะทยอยกลับเข้ามาลงทุนในไทย หรือไม่นั้น นายวิศิษฐ์ ระบุว่า ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในตลาดทุนหรือจะมาแบบลงทุนโดยตรง มั่นใจว่าการลงทุนจากต่างชาติจะไม่มีการชะงัก
สอดคล้องกับ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) ที่คาดการณ์ว่า การสลายขั้วทางการเมืองจะส่งผลให้ เงินลงทุนจากต่างชาติจะไหลกลับเข้าตลาดหุ้นไทยในช่วงเดือนกันยายนนี้ และฝ่ายวิเคราะห์ ยังเชื่อว่า ความไม่แน่นอนทางการเมืองลดลง จะทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ประเมิน SET Index สิ้นปีนี้น่าจะอยู่ที่ 1,420 จุด เท่ากับ P/E ที่ 15 เท่าในปี 2568 หรือ -1SD ของค่าเฉลี่ยห้าปี
ขณะที่ภาพรวมของตลาดหุ้นไทยหลังจาก น.ส.แพทองธาร รับโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 นั้นเมื่อวันที่ 18 ส.ค. ที่ผ่านมา ส่งผลให้ SET Index ขานรับทันทีปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ( 3 ก.ย.67 ) ขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,364.60 จุด จาก ณ วันที่ 16 ส.ค. 67 ปิดอยู่ที่ 1,303.00 จุด บวกไป 61.60 จุด หรือขึ้นไป 4.72% อาจเป็นเพราะนักลงทุนมีความเชื่อมั่นว่าสถานการณ์การเมืองจะมีเสถียรภาพมากขึ้น และที่สำคัญเริ่มเห็นนักลงทุนต่างชาติเข้ามาซื้อสุทธิเป็นระยะๆ
ถึงแม้สถานการณ์การเมืองในขณะนี้มีเสถียรภาพ ส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจ โอกาสในการยุบสภามีน้อย เพราะไม่มีพรรคไหนพร้อมยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ แต่สิ่งที่รัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ต้องระมัดระวัง คือ “ เรื่องนิติสงคราม” บรรดานักร้อง จ่อร้องเรียนในหลากหลายประเด็น อย่างล่าสุด นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ยื่นหนังสือร้องต่อ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ตรวจสอบ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร 2 เรื่อง คือ
- เรื่องการลาออกจากกรรมการ 20 บริษัท เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามมาตรา 170 (5) ประกอบมาตรา 187 หรือไม่
2.เรื่องการปล่อยให้นายทักษิณ ครอบครองขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามมาตรา 170 (4) ประกอบมาตรา 160 (4) (5) หรือไม่
อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ นักวิชาการด้านการเมืองและรัฐศาสตร์หลายคน ยังคงมองไปในทิศทางเดียวกันว่า “รัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร จะอยู่ครบเทอม และ จะมีเสถียรภาพทางการเมือง แต่จะต้องรับมือกับหลายเรื่องร้องเรียนทางกฎหมายจากบรรดาผู้ร้องเรียน ตลอด 4 ปี ที่เป็นรัฐบาล”