น้ำมันดิบปิดบวกหลังผลผลิตจากสหรัฐฯลดลง
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (27 ม.ค.) โดยได้แรงหนุนจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ที่ระบุว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว รวมทั้งข่าวที่ว่าบริษัทพลังงานของรัสเซียเตรียมเจรจาเพื่อปรับลดกำลังการผลิตร่วมกับกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และซาอุดิอาระเบีย
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 85 เซนต์ หรือ 2.7% ปิด (27 ม.ค.) ที่ 32.33 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 1.30 ดอลลาร์ หรือ 4.1% ปิดที่ 33.10 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบยังคงปิดบวกอย่างต่อเนื่อง หลังจาก EIA รายงานว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 22 ม.ค. ปรับลดลง 14,000 บาร์เรลต่อวัน สู่ระดับ 9.22 ล้านบาร์เรล/วัน นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับข่าวที่ว่าบริษัททรานส์เนฟท์ ซึ่งเป็นบริษัทผูกขาดท่อส่งน้ำมันของรัฐบาลรัสเซีย กำลังมีการเตรียมการเจรจาปรับลดกำลังการผลิตกับกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) และซาอุดิอาระเบีย
นายนิโคไล โตกาเรฟ ประธานบริษัททรานส์เนฟท์เปิดเผยว่า ซาอุดิอาระเบียเป็นผู้ริเริ่มความคิดดังกล่าว และยื่นขอเสนอในการลดกำลังการผลิต พร้อมกับระบุว่า การหารือดังกล่าวอาจเป็นการเจรจาทวิภาคีกับซาอุดิอาระเบีย หรือเป็นการหารือกับกลุ่มโอเปก
ทั้งนี้ นายอับดุลลาห์ อัล-บาดรี เลขาธิการโอเปกได้ออกมาเรียกร้องให้ประเทศผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปก ร่วมมือกันลดกำลังการผลิตเพื่อแก้ไขปัญหาภาวะน้ำมันล้นตลาด ในขณะที่รัฐมนตรีพลังงานของอิรักได้แสดงมุมมองที่เป็นบวกว่า มีความเป็นไปได้ที่กลุ่มโอเปกและประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกจะสามารถบรรลุข้อตกลงกันได้
สำหรับรายงานสต็อกน้ำมันดิบที่ EIA ได้เปิดเผยเมื่อวานนั้น สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 22 ม.ค. เพิ่มขึ้น 8.4 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 494.9 ล้านบาร์เรล โดยเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน และเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 3.3 ล้านบาร์เรล