WHA เด้ง 3% ลุ้นรายได้ปีนี้ทะลุ 1.5 หมื่นล้าน แย้มปิดดีลที่ดินอีก 600 ไร่

WHA เด้ง 3% มั่นใจทุกธุรกิจครึ่งปีหลังโตแกร่ง ดันรายได้รวมปีนี้ทะลุ 15,000 ล้านบาท และอีบิทด้ามาร์จิ้นไม่ต่ำ 50% แย้มลูกค้าบริษัทต่างประเทศด้านเทคโนโลยีรายใหญ่ เล็งซื้อที่ดินเพิ่มอีก 600 ไร่


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (12 ก.ย.67) ราคาหุ้น บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA ณ เวลา 10:18 น. อยู่ที่ระดับ 5.65 บาท บวก 0.15 บาท หรือ 2.73% สูงสุดที่ระดับ 5.70 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 5.55 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 135.77 ล้านบาท

สำหรับราคาหุ้นดีดกลับขึ้นมา ตอบรับข่าว นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม WHA เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2567 จะมีรายได้รวมไม่ต่ำกว่า 15,000 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 15,519.06 ล้านบาท และมีอัตรากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA Margin) ไม่ต่ำกว่า 50% จากปีก่อน 45% หนุนผลการดำเนินงานทำสถิติสูงสุดใหม่ (All Time High) เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน และปี 2568 ยังมีโอกาสทำ All Time High ได้เป็นปีที่ 4 ติดต่อกันอีกด้วย

โดยปัจจุบัน WHA ได้มุ่งเดินหน้าตามกลยุทธ์ และพัฒนาแนวทางธุรกิจให้สอดคล้องกับเมกะเทรนด์โลก โดยเฉพาะการย้ายฐานการผลิตและลงทุนสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ รวมถึงการดำเนินงานด้านความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง และปีนี้ WHA Group ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสำเร็จของการปฏิวัติองค์กรด้วยการก้าวสู่การเป็น Tech & Sustainable Company เต็มรูปแบบ จากจุดเริ่มต้นในปี 2564 ที่ได้ริเริ่มโครงการ Digital Transformation สร้างวัฒนธรรมองค์กรแห่งนวัตกรรม เพื่อยกระดับประสิทธิภาพในการดำเนินงาน เสริมศักยภาพธุรกิจให้ก้าวขึ้นเหนือคู่แข่ง จากนั้นได้พัฒนาสู่การเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล พร้อมวางเป้าหมายก้าวสู่การเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี (Tech-Driven Organization) ในทุกมิติภายในปี 2568

สำหรับแนวทางการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2567 บริษัทมั่นใจจะมีรายได้รวมมากกว่าช่วงครึ่งปีแรกที่มีรายได้รวม 6,489.91 ล้านบาท จาก 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ดังนี้ คือ 1. ธุรกิจโลจิสติกส์ กลยุทธ์การดำเนินงานยังคงมุ่งขยายธุรกิจทั้งในประเทศ โดยขยายจากกรุงเทพฯ สมุทรปราการ ปริมณฑลและเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ส่วนในต่างประเทศมุ่งเน้นการขยายในประเทศเวียดนาม ให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจกับอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพการเติบโตในอนาคต

โดยในปี 2567 ตั้งเป้าหมายพื้นที่ให้เช่าใหม่ และสัญญาเช่าใหม่รวม 200,000 ตารางเมตร (ตร.ม.) โดยมุ่งเน้นคลังสินค้าแบบ Built-to-Suit โดยคาดว่าครึ่งปีหลังของปี 2567 จะส่งมอบพื้นที่ให้เช่าใหม่มากกว่า 140,000 ตร.ม. โดยมีสัญญาเช่าคลังสินค้าแบบ Built to Suit และแบบสำเร็จรูปกว่า 105,000 ตร.ม. จากลูกค้าในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคและกลุ่มสุขภาพ และ 35,000  ตร.ม. จากโครงการแรกในจังหวัดฮึงเอียน  (Hung Yen) ประเทศเวียดนาม ผ่านความร่วมมือกับไดวะเฮาส์ (Daiwa House) และมีแผนการขายสิทธิการเช่าทรัพย์สินให้กับกองทรัสต์ WHAIR รวมทั้งสิ้นประมาณ 40,172 ตร.ม. คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,065 ล้านบาท ที่จะแล้วเสร็จเดือนธันวาคม 2567

ขณะเดียวกัน มีการเปิดตัว โมบิลิกส์ (Mobilix) โซลูชันกรีนโลจิสติกส์ครบวงจรครั้งแรกของไทย ประกอบด้วย 3 บริการหลัก คือ ให้เช่ารถยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า และโมบิลิกส์ซอฟต์แวร์โซลูชัน (Mobilix Software Solution) โดยมีแผนดำเนินธุรกิจตาม 4 กลยุทธ์หลัก คือ พัฒนาพันธมิตรทางธุรกิจ (Develop Partnership)  ขยายช่องทางการขาย (Expand Sale Channels) การเปิดตัวผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ (Launch New Products) และนำเสนอข้อเสนอทางการค้าใหม่ ๆ (Provide New Commercial Offerings) โดยมีเป้าหมายเพิ่มจำนวนรถยนต์ไฟฟ้าและหางลากให้เช่าเป็น 1,000 คัน ภายในสิ้นปี 2567 จากครึ่งปีแรก 281 คัน

2.ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม แนวโน้มความต้องการที่ดินจากภาคอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่ง ส่งผลให้บริษัทปรับเพิ่มประมาณการขายที่ดินทั้งปี 2567 รอบที่ 3 จาก 2,400 ไร่ เป็น 2,500 ไร่ เทียบกับปี 2566 ที่มียอดขายที่ดิน 2,700 ไร่ อย่างไรก็ตาม แม้ยอดขายที่ดินลดลงเกือบ 10% แต่มูลค่าสัญญาขายที่ดินเติบโตถึง 18% เนื่องจากนิคมอุตสาหกรรมใหม่มีราคาขายที่ดินค่อนข้างสูง และนิคมอุตสาหกรรมเดิมมีการทยอยปรับราคาขายถึง 3 ครั้งนับตั้งแต่ปีก่อน ทำให้ราคาขายเฉลี่ยปีนี้ต่างจากปีก่อนเป็นตัวเลข 2 หลัก สะท้อนความต้องการซื้อที่ดินในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม WHA ทุกแห่ง

ขณะที่ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2567 บริษัทมีเป้าหมายที่จะขายที่ดินมากกว่า 1,400 ไร่  โดยยอดขายที่ดินจากประเทศไทยจะเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก เนื่องจากในเวียดนามกำลังอยู่ในช่วงพัฒนาที่ดินเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับปี 2568 และรอความชัดเจนหลังเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายน 2567

นอกจากนี้ ล่าสุดบริษัทมีการเซ็นสัญญาขายที่ดิน 400 ไร่  ให้กับบริษัทต่างประเทศ ที่ทำเกี่ยวกับด้านเทคโนโลยี ภายในนิคมอุตสาหกรรม โซนจังหวัดชลบุรี เบื้องต้นลูกค้าจะเดินทางมาประเทศไทย เพื่อแถลงข่าวเปิดตัวอย่างเป็นทางการเดือนตุลาคม 2567 นี้ และลูกค้ายังมีความสนใจที่ดินเพิ่มอีก 600 ไร่  รวมเป็น 1,000 ไร่  ซึ่งต้องรอติดตามว่าจะเซ็นสัญญาได้ภายในสิ้นปี 2567 หรือไม่ แต่อยากให้เซ็นสัญญาในปี 2568

“การขายที่ดิน 200-300 ไร่ เป็นเรื่องธรรมดาของกลุ่ม WHA ไปแล้ว ถือเป็นปีทองของนิคมอุตสาหกรรมของประเทศไทย และลูกค้าบางรายมีความต้องการที่ดินยาวกว่า 1 กิโลเมตร ซึ่ง WHA สามารถตอบสนองให้ได้ เป็นต้น ปัจจุบันบริษัทมีหนังสือแสดงเจตจำนง (LOI) และหนังสือบันทึกความเข้าใจ (MOU) ที่รอเซ็นสัญญาซื้อขายที่ดินเพิ่มเติมอีก 1,000 ไร่ และมียอดขายรอโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) เกือบ 900 ไร่ ซึ่งมีฐานลูกค้าหลากหลายประเทศโดยเฉพาะจีน ไต้หวัน อเมริกา ญี่ปุ่น และประเทศอื่น ๆ เป็นต้น ”

นอกจากนี้ บริษัทเดินหน้าพัฒนาที่ดินอุตสาหกรรม โดยวางแผนเพิ่มที่ดินอุตสาหกรรมเกือบ 10,000 ไร่ ในประเทศไทยในอีก 4 ปีข้างหน้า ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการนิคมอุตสาหกรรมใหม่ 6 โครงการ โดยเป็นโครงการพัฒนาใหม่ 4 แห่ง และขยายพื้นที่โครงการเดิมอีก 2 แห่ง อีกทั้งยังมีแนวคิดที่จะต่อยอดธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มเดิม ด้วยการเสนอสัญญาเช่าคอนโดมิเนียมระยะยาวให้กับลูกค้าที่เข้ามาซื้อที่ดิน คาดว่าจะชัดเจน และเป็นงบการลงทุนของปี 2568

ส่วนโครงการในเวียดนามมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง โดยเขตอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล โซน 2 – เหงะอาน (WHA Industrial Zone 2 – Nghe An) คาดว่าจะได้รับการอนุมัติใบอนุญาตสำหรับเฟส 1 ของโครงการ บนพื้นที่ 1,200 ไร่ ภายในสิ้นปี 2567 และ WHA Smart Technology Industrial Zone 1 ในจังหวัดทาญฮว้าจะเริ่มก่อสร้างภายในสิ้นปี  2567 และ WHA Smart Technology Industrial Zone 2 ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดเดียวกัน มีเป้าหมายที่จะได้รับใบรับรองการลงทุน (IRC: Investment Registration Certificate) ภายในสิ้นปี 2567 เช่นเดียวกัน

3.ธุรกิจสาธารณูปโภค (น้ำ) มุ่งแสวงหาโอกาสการลงทุนในพื้นที่ใหม่ ๆ นอกเหนือจากในนิคมอุตสาหกรรมของ WHA มุ่งเน้นขยายธุรกิจผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม (Value-added Water) อย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2567 ตั้งเป้าหมายยอดขายน้ำรวม 178 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) จากความต้องการน้ำที่มากขึ้นของลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรม และปริมาณน้ำมูลค่าเพิ่มที่เพิ่มขึ้นจากโครงการใหม่ ๆ รวมถึงการเพิ่มขึ้นของน้ำในประเทศเวียดนามที่มีการเติบโตอย่างมากในปี 2567 เนื่องจากโรงงานของลูกค้าในเขตอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล โซน 1-เหงะอาน (WHA Industrial Zone 1 Nghe AN) เริ่มดำเนินการ

นอกจากนี้ ในปี 2567 บริษัทได้ลงนามในสัญญาน้ำอุตสาหกรรมคุณภาพสูง (Premium Clarified Water) กับบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC จำนวน 3.5 ล้านลบ.ม. ต่อปี และสัญญาขายน้ำประปาให้แก่การประปาส่วนภูมิภาคอีก 2.6 ล้านลบ.ม. ต่อปี โดยทั้ง 2 สัญญาจะเริ่มมีการรับรู้รายได้ภายในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 ทันที

ขณะที่ธุรกิจไฟฟ้า ยังคงเดินหน้าพัฒนาโซลูชันด้านพลังงาน พร้อมตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าสะสมที่ลงนามแล้วเป็น 1,000 เมกะวัตต์ (MW) ซึ่งจะมาจากพลังงานสะอาด 472  เมกะวัตต์ โดยเป็นพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Roof Top) 283 เมกะวัตต์ พร้อมมุ่งต่อยอดธุรกิจพลังงานสะอาดผ่านการพัฒนานวัตกรรมและโซลูชันด้านพลังงานใหม่ ๆ อาทิ การเปิดให้บริการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งสอดรับกับแผนการลงทุนในโมบิลิกส์ (Mobilix) โดยมีเป้าหมายที่จะมีชาร์จเจอร์ 120 ตัว ในปีนี้ รวมถึงสถานีชาร์จที่ใหญ่ที่สุดในประเทศขนาดกำลังติดตั้ง 5,400 กิโลวัตต์

รวมทั้งยังแสวงหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจ New S-Curve เช่น ระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (BESS: Battery Energy Storge System) และเทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน (CCUS: Carbon Capture Utilization and Storage) เป็นต้น

4.ธุรกิจดิจิทัล ยกระดับองค์กรในทุกมิติเพื่อบรรลุเป้าหมายในการก้าวสู่การเป็น Technology Company ในปี 2567 และเตรียมพร้อมสู่การเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี (Tech-Driven Organization) ในปี 2568 มุ่งส่งเสริมศักยภาพของธุรกิจใน WHA Group และสร้างรายได้จากการให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลใหม่ ๆ ควบคู่กับการพัฒนาความเชี่ยวชาญของทีมเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง โดยตัวอย่างโครงการสำคัญที่ผ่านมา ได้แก่ โมบิลิกส์ซอฟต์แวร์โซลูชัน (Mobilix Software Solution) ที่เป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลอัจฉริยะสำหรับจัดการยานพาหนะไฟฟ้าและแบตเตอรี่ WHAbit แพลตฟอร์มเพื่อให้บริการด้านสุขภาพแบบครบวงจร WHASApp: Super App ที่รวบรวมบริการครบวงจรให้แก่ลูกค้าของ WHA รวบรวมข้อมูลการใช้งานสาธารณูปโภคและพลังงานแบบเรียลไทม์ไว้ในที่เดียว เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังยกระดับประสิทธิภาพองค์กรด้วย AI อย่างต่อเนื่อง โดยพัฒนาโครงการทรานส์ฟอร์เมชันด้วยเทคโนโลยี AI จำนวน 12 โครงการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ลดต้นทุน และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ เช่น Solar Anomaly Detection ตรวจจับปัญหาที่เกิดขึ้นกับแผงโซลาร์เพื่อการดูแลรักษาที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ Solar Forecasting ประเมินและคาดการณ์ปริมาณแสงแดดล่วงหน้า เพื่อการวางแผนเพิ่มปริมาณการผลิตพลังงานและลดต้นทุนการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ และ RO Performance Forecasting ใช้ Data Analytics ในการตรวจสอบคุณภาพน้ำภายในนิคมอุตสาหกรรมเพื่อส่งเสริมการใช้ทรัพยากรน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด ลดการสูญเสีย และสอดคล้องกับข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อม เป็นต้น

“ปีนี้ WHA ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการนำเทคโนโลยีมาใช้ในทุกมิติของการดำเนินงานเป็นเส้นทางสู่ความสำเร็จ ด้วยรากฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง วิสัยทัศน์ WE SHAPE THE FUTURE ที่ชัดเจน พร้อมการเป็น Tech and Sustainable Company เพื่อก้าวสู่การเป็น Tech-Driven Organization ในปีหน้า เรายังคงเดินหน้าสู่อนาคตพร้อมกับเป้าหมายใหม่ ๆ ในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยและภูมิภาคอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ด้านงบลงทุนยังใช้วงเงินเดิมตามที่เคยประกาศเอาไว้ และแข็งแกร่งพอที่จะรองรับการเติบโตในหลายปีข้างหน้า” นางสาวจรีพร กล่าว

Back to top button