BTS วิ่ง 3% จ่อรับค่าจ้างเดินรถ-ซ่อมบำรุง “สายสีเขียว” 1.4 หมื่นล้าน โบรกชูเป้า 5.59 บ.

BTS วิ่ง 3% เตรียมรับเงินค่าจ้างเดินรถ-ซ่อมบำรุง (O&M) รถไฟฟ้าสายสีเขียว 1.45 หมื่นล้านบาท ดีเดย์ ต.ค.นี้ ฟาก “ชัชชาติ” เร่งสภากรุงเทพมหานครอนุมัติจ่ายหนี้ภายในปีงบประมาณ 67 สิ้นเดือน ก.ย.นี้ ด้านโบรกฯ ให้ราคาเป้าหมาย 5.59 บาท เมื่อเทียบ P/B 1.3 เท่า


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (13 ก.ย.67) ราคาหุ้น บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ณ เวลา 11:15 น. อยู่ที่ระดับ 4.82 บาท บวก 0.12 บาท หรือ 2.55% สูงสุดที่ระดับ 367.39 ล้านบาท

นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (BTSC) และผู้อำนวยการใหญ่สายธุรกิจ MOVE บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เปิดเผยข่าวว่า ตนได้หารือกับบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (KT) เรียบร้อยแล้ว โดยได้ข้อสรุปกว่ากรุงเทพมหานครจะชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1 ช่วงสะพานตากสิน-วงเวียนใหญ่-บางหว้า และช่วงอ่อนนุช-แบริ่ง (เดือนพฤษภาคม 2562 ถึงพฤษภาคม 2564) และส่วนต่อขยายที่ 2 ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต (เดือนเมษายน 2560 ถึงพฤษภาคม 2564) ตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุด เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 14,549,503,800 บาท ภายในระยะเวลาไม่เกิน 30 วัน นับจากนี้

“กทม.จะจ่ายเงินก้อนนี้ให้เราได้ภายในเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งเร็วกว่ากำหนดเดิมที่ผู้ว่าชัชชาติพูดไว้ หลังจากนี้ BTS จะนำเงินไปชำระหนี้ตามแผน เพื่อลดหนี้สินต่อทุน” นายสุรพงษ์ กล่าว

โดยหลังกมท.ตั้งคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครแล้ว คาดจะใช้เวลาอีกไม่นานก่อนที่จะชำระหนี้ O&M ทั้งนี้ทางกรุงเทพมหานครยืนยันว่ามีความพร้อมที่จะชำระหนี้ O&M ก้อนดังกล่าว ส่วนหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงที่เหลืออีก 2-3 หมื่นกว่าล้านบาทนั้น คงต้องหารือกันในครั้งหน้า

สำหรับหนี้ O&M ที่กรุงเทพมหานครจะต้องชำระให้แก่ BTS มีประมาณ 4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นตามช่วงเวลา ช่วงแรกเกิดขึ้นระหว่างเดือนเมษายน 2560-พฤษภาคม 2564 ซึ่งศาลปกครองสูงสุดได้ตัดสินไปแล้วให้จ่ายทั้งต้นพร้อมดอกเบี้ยประมาณ 1.45 หมื่นล้านบาท ช่วงต่อมาเกิดขึ้นระหว่างมิถุนายน 2564-ตุลาคม 2565 คิดเป็นวงเงินประมาณ 1 หมื่นกว่าล้านบาท อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองชั้นต้น  และอีก 1.4 หมื่นล้านบาท ยังไม่ได้ฟ้อง โดยเป็นหนี้ที่เกิดขึ้นระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงปัจจุบัน

ทั้งนี้ หากคิดอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย MLR+1 จากยอดที่กทม.จะต้องชำระหนี้กว่า 4 หมื่นล้านบาท ดอกเบี้ยจ่ายจะสูงถึงวันละ  7 ล้านบาท หรือปีละประมาณ 2.5 พันล้านบาท

โดยภายหลังจากการชำระหนี้ก้อนแรก งานระบบไฟฟ้า-เครื่องกล รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต 2.3 หมื่นล้านบาท ให้ BTS แล้ว ส่งผลให้หนี้สินต่อทุน (D/E) ลดลงเหลือ 2.29 เท่า และหากไม่รวมภาระหนี้งาน O&M ทั้งหมด ก็จะยิ่งทำให้หนี้ต่อทุนลดลงเหลือเพียง 1.70 เท่า

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยในระหว่างการประชุมสภากรุงเทพมหานคร (สภา กทม.) กล่าวว่า กทม.มีความประสงค์จะชำระหนี้ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด เป็นค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่สภากทม.ได้ให้ความเห็นชอบจ่ายขาดเงินสะสมแล้ว ตามหลักการได้ตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2567 จำนวนไม่เกิน 14,549,503,800 บาท เป็นรายจ่ายพิเศษ จ่ายจากเงินสะสมจ่ายขาดของกทม. จึงขอความเห็นชอบจากสภากทม.

นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวเสริมว่า หากกทม.ไม่สามารถพิจารณาเงินก้อนนี้ได้ภายใน 30 กันยายน 2567 ซึ่งอยู่ในปีงบประมาณ 2567 จะทำให้ข้ามไปสู่ปีงบประมาณ 2568 จะมีผลกระทบต่อการชำระหนี้และอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น  ดังนั้นจึงต้องพยายามขอความเห็นชอบจากสภากรุงเทพมหานคร สำหรับเงินก้อนนี้ภายในปีงบประมาณ 2567 ให้ได้ ส่วนเรื่องการจ่ายชำระหนี้ จะเป็นขั้นตอนต่อไป

โดยที่ประชุมสภากทม.มีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 (ฉบับที่. …) พ.ศ. … ก่อนรับหลักการ จำนวน 24 คน กำหนดเวลาพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน เพื่อพิจารณาหลักการของร่างข้อบัญญัติดังกล่าว

นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) มีมุมมองเป็นบวกต่อ BTS หลังจากปัจจัยลบเริ่มคลี่คลาย ล่าสุดกรณีกทม.เตรียมจะจ่ายหนี้ O&M รถไฟฟ้าสายสีเขียว กว่า 1.45 หมื่นล้านบาท ในเดือนตุลาคม ถือว่าเร็วกว่ากำหนดเดิม ซึ่งมองว่าจะเป็นแนวทางการชำระหนี้ O&M ที่เหลือทั้งหมดอีกกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยที่ต้องติดตามคือ กรณีซื้อคืนสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลือง ที่ปัจจุบัน BTS รับผลขาดทุนจากการเดินรถประมาณไตรมาสละ 400 ล้านบาท หรือปีละ 1.6 พันล้านบาท หากตกลงกันได้ก็จะช่วยลดภาระขาดทุนให้กับ BTS งบการเงินก็จะออกมาดีขึ้น ขณะที่ BTS จะเริ่มสัญญาใหม่ คือ จ้างเดินรถเข้ามาแทน สร้างรายได้ให้แก่บริษัทอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะมีการประเมินราคาใหม่กันอีกครั้ง

โดยแนะนำ “ซื้อ” หุ้น BTS ราคาเป้าหมายที่ 5.59 บาท เมื่อเทียบกับ P/B 1.3 เท่า ถือว่าราคายังถูก ซึ่งราคานี้ยังไม่รวมผลจากการเจรจารถไฟฟ้าสายสีเขียว สายสีชมพู และสายสีเหลือง เข้าไปด้วย

บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) คำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น BTS ที่ราคาเป้าหมาย 5.96 บาท จากการที่ BTS ชนะคดีงาน O&M ซึ่งจะได้รับเงินสดเข้ามาเสริมสภาพคล่องของบริษัท และคาดว่าเมื่อ BTS ชนะคดีแรกนี้ ก็จะชนะคดีที่เหลือที่ทั้งฟ้องไปแล้วและยังไม่ได้ฟ้องเกี่ยวกับสัญญา O&M

นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” BTS ที่ราคาเป้าหมาย 6.20 บาท ภายหลังจากชนะคดีค่างาน O&M รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ซึ่งจะช่วยให้บริษัทมีภาระดอกเบี้ยจ่ายลดลงในแต่ละปี จากยอดหนี้ที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า BTS จะมีปัจจัยหนุนอย่างมากจากการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายเข้าเมืองทองธานี ซึ่งทาง BTS ประเมินว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ในปี 2568 ขณะที่ผลประกอบการของบริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI จะทยอยฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง หลังจากขายหุ้นบริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX ออกไปทั้งหมด และการลงทุนต่าง ๆ เริ่มลดลง ซึ่ง 2 ประเด็นนี้จะเป็นปัจจัยบวกที่สำคัญของ BTS

Back to top button