EA พุ่งต่อ 8% ลุ้นเปิดชื่อ “พันธมิตรใหม่” ออก PP ระดมทุน 1.5 หมื่นล้าน

EA ราคาวิ่งต่อ 8% รับแผนเร่งปิดดีล “พันธมิตรใหม่” ภายในสิ้นปีนี้ เล็งออก PP ระดมทุน 1.2-1.5 หมื่นล้านบาท เดินหน้าธุรกิจเต็มสูบ ปี 68 กลับมาเทิร์นอะราวด์ ตั้งเป้าปีนี้ส่งมอบรถหัวลาก 500 คัน และรถบัสไฟฟ้าอีก 400 คัน วงเงิน 8-9 พันล้านบาท เพิ่มสภาพคล่อง ผู้บริหารยืนยัน Super Holding Company ในสปป.ลาวเดินหน้าต่อ ส่วนอนาคต NEX ต้องเพิ่มทุนรับงานใหญ่


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (13 ก.ย.67) ราคาหุ้น บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ณ เวลา 11:08 น. อยู่ที่ระดับ 7.80 บาท บวก 0.60 บาท หรือ 8.33% สูงสุดที่ระดับ 7.95 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 7.20 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.55 พันล้านบาท

นายวสุ กลมเกลี้ยง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน EA เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาหาพันธมิตรเข้ามาร่วมทุน ซึ่งคาดว่าจะสามารถปิดดีลได้ภายในปีนี้ โดยมีทั้งนักลงทุนจากต่างประเทศและในประเทศ และกองทุนที่ให้ความสนใจ แต่จะเลือกกลุ่มที่สามารถทำให้ธุรกิจ EA เดินหน้าต่อไปได้ กลับมาเทิร์นอะราวด์ในปี 2568

ทั้งนี้ เงินลงทุนที่ต้องการจะอยู่ที่ 1.2-1.5 หมื่นล้านบาท โดยอาจเป็นการเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement : PP) ในราคาที่เหมาะสม หลังปิดดีลจะเข้ามาช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า นำไปชำระหนี้หุ้นกู้ส่วนหนึ่งในช่วงต้นปี 2568 เรียกความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน และอีกส่วนหนึ่งนำไปขยายธุรกิจ

ส่วนการตัดขายทรัพย์สิน ทั้งโรงไฟฟ้า โรงแบตเตอรี่ บริษัทไม่มีนโยบายที่จะแยกขายออกไป เนื่องจากจะมีผลให้ธุรกิจของ EA ไม่สามารถเติบโตได้ แต่เลือกทางที่จะหาพันธมิตรเข้ามาเสริมในธุรกิจต่าง ๆ โดยเฉพาะธุรกิจแบตเตอรี่ที่อยู่ระหว่างการเจรจากับกลุ่มนักลงทุนจากประเทศจีน

นายวสุ กล่าวว่า สถานการณ์ขณะนี้ของบริษัทดูดีขึ้นมาก ภายหลังจากการเลื่อนชำระหนี้หุ้นกู้ออกไปเป็นปี 2568 โดยรายได้ที่เข้ามาขณะนี้มาจากโรงไฟฟ้าเป็นหลัก ส่วนโรงงานผลิตรถไฟฟ้าและโรงงานแบตเตอรี่ยังไม่มีแผนผลิตเพิ่ม อยู่ในช่วงชะลอการผลิตเพื่อลดต้นทุน โดยบริษัทจะทยอยส่งมอบรถที่ค้างสต๊อกให้หมดก่อน โดยปัจจุบันมีอยู่ 900 กว่าคัน

ขณะที่ ลูกค้าเริ่มเข้ามาเจรจาแล้ว ตั้งเป้าปีนี้จะส่งมอบรถหัวลากจำนวน 500 คัน และรถบัสไฟฟ้าอีก 400 คัน เป็นวงเงินประมาณ 8-9 พันล้านบาท ซึ่งจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับบริษัท สำหรับหนี้การค้าในส่วนของ NEX หลังจากส่งมอบแล้วก็จะทยอยลดลง จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 6 พันล้านบาท

สำหรับแผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังปี 2567 ในส่วนของธุรกิจรถโดยสารไฟฟ้าและรถเพื่อการพาณิชย์ บริษัทฯ จะมุ่งเน้นไปที่การจำหน่ายรถหัวลากไฟฟ้า (EV Truck) เป็นหลัก โดยที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้มีการส่งมอบให้กับกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่หลายราย เช่น กลุ่มบริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD กลุ่มบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC กลุ่มบริษัท ดับบลิวเอช เอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เป็นต้น

“แม้รายได้และกำไรในครึ่งแรกของปี 2567 จะปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากได้มีการส่งมอบ EV Bus ให้กับลูกค้ารายใหญ่ลดต่ำลง แต่ EA ยังมีรายได้ประจำที่เกิดขึ้นจากการขายไฟฟ้าให้กับภาครัฐเดือนละประมาณ 1,000 ล้านบาท เพียงพอสำหรับการชำระคืนดอกเบี้ยหุ้นกู้ให้กับผู้ถือหุ้นกู้และคืนหนี้ให้กับเจ้าหนี้สถาบันการเงิน”

ด้านโครงการ Super Holding Company บริษัทได้ลงนามสัญญาร่วมพัฒนาโครงการ (Joint Development Agreement) กับรัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) นั้น ยังคงเดินหน้าต่อ โดย EA มีแผนที่จะระดมทุนในอนาคต โดย EA ตั้งเป้านำไปจดทะเบียนในตลาดหุ้นสิงคโปร์ โดยจะมีการนำไฟฟ้าจากพลังงานน้ำจากเขื่อนในประเทศลาว ประมาณ 7 กิกะวัตต์ หรือ GW เข้าเป็นสินทรัพย์ของกองทุน

ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน EA กล่าว่า MSCI ยังคงเครดิตให้บริษัทระดับ A อยู่ในขณะนี้ แม้ว่าทริส เรทติ้ง ที่ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือทีเดียว 3 ขั้นที่ BB+ (Negative) เป็นต่ำกว่า Investment grade แต่ภายหลังจากได้พันธมิตรใหม่ก็จะกลับมาออกหุ้นกู้ใหม่ได้อีกครั้ง

ส่วนอนาคตของบริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX ยังมีแผนที่จะเพิ่มทุนในอนาคต หลังจาก EA เพิ่มทุนเสร็จเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากทุนจดทะเบียนของเน็กซ์ยังต่ำเมื่อเทียบกับมูลค่างานที่เข้าไปรับ ทำให้ขาดความน่าเชื่อถือ ขณะที่มีกระแสข่าวว่า “คณิสสร์ ศรีวชิระประภา” หรือ (หลิน เข่อนัว) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เน็กซ์ พอยท์ จะย้ายไปบริษัทใหม่นั้น มองว่า EA ยังคงต้องการให้นายคณิสสร์อยู่ต่อไป แต่หากมีการปรับเปลี่ยนจริง ๆ คงห้ามไม่ได้

Back to top button