KLINIQ วิ่ง 3% รับแผน 5 ปีรายได้โต 30% โบรกแนะ “ซื้อ” เป้า 42 บาท

KLINIQ บวก 3% กางแผน 5 ปีรายได้โตเฉลี่ย 30% ต่อปี เดินหน้าขยายฐานลูกค้า และเปิดสาขาใหม่ 100-120 สาขาต่อแบรนด์ บวกศูนย์ศัลยกรรมผลงานดีโต 100% ต่อปี โบรกฯ เชียร์ "ซื้อ" ให้เป้าราคา 42 บาท คาดงบครึ่งปีหลังโตกว่าครึ่งปีแรก เหตุอัตรากำไรสุทธิดีขึ้น-เปิดสาขาใหม่คืนทุนเร็ว


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (18 ก.ย.67) ณ เวลา 10:39 น. ราคาหุ้น บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ KLINIQ อยู่ที่ระดับ 37.25 บาท บวก 1 บาท หรือ 2.76% สูงสุดที่ระดับ 38 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 36.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 22.82 ล้านบาท

นายอภิรุจ ทองวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ KLINIQ เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายในระยะ 5 ปี (ปี 66-70) จะมีรายได้จากการขายและบริการเติบโตเฉลี่ย 30% ต่อปี ตามอุตสาหกรรมความสวยความงาม และสุขภาพที่ขยายตัว และทยอยเปิดสาขาใหม่เพิ่มต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการของตลาด (ดีมานด์)

โดย ณ เดือนมิ.ย.67 KLINIQ ยังรักษาความเป็นผู้นำของตลาด โดยมีสาขาให้บริการรวม 68 สาขา แบ่งเป็น THE KLINIQUE จำนวน 44 สาขา L.A.B.X จำนวน 21 สาขา THE KLINIQUE SURGERY CENTER จำนวน 1 สาขา L’CLINIC จำนวน 1 สาขา และ KLINIQ MedSpa จำนวน 1 สาขา

ขณะที่ปี 67 KLINIQ มองว่าจะสามารถเปิดสาขาใหม่รวม 20 สาขา และอนาคตมีความตั้งใจที่จะเปิดสาขาใหม่ของแบรนด์หลัก 100-120 สาขาต่อแบรนด์ ซึ่งใช้งบลงทุนประมาณ 30 ล้านบาทต่อสาขา และใช้เวลา 1-2 ปี ถึงจุดคุ้มทุน หรือทำกำไร ถือว่ารวดเร็วมาก

สำหรับฐานะทางการเงินของ KLINIQ ค่อนข้างแข็งแรงมาก โดยธุรกิจสามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างสม่ำเสมอ และก่อนเข้าตลาดหุ้นสามารถเปิดสาขาใหม่โดยไม่ต้องพึ่งการกู้เงินธนาคารทุกสาขา อย่างไรก็ตามเงินที่ได้จากการเข้าตลาดหุ้น จะช่วยให้สามารถขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็วกว่าเดิม ปัจจุบันได้ใช้เงินไปแล้ว 40% ของ 1,400 ล้านบาท และน่าจะใช้ครบ 100% ภายในปี 70

ส่วนฐานลูกค้าของ KLINIQ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่ไม่อ่อนไหวต่อราคา โดยเป็นลูกค้าชาวไทย 90% และลูกค้าชาวต่างชาติ 10% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกค้ากลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน และจีน เป็นต้น ทำให้อัตราการใช้บริการยังคงเหนียวแน่น แม้ที่ผ่านมาภาวะเศรษฐกิจโดยรวมค่อนข้างซบเซา หรือมีปัจจัยลบอื่น ๆ มากดดันก็ตาม แต่หากมองในเฉพาะส่วนอุตสาหกรรมความสวยความงาม ถือว่าดี และยังเติบโตได้อีกมาก

ขณะที่ศูนย์ศัลยกรรม หลังเปิดให้บริการมาประมาณ 2 ปี มีผลการดำเนินงานจากปีแรกถึงปัจจุบันเติบโตถึง 300% หรือโตเฉลี่ยปีละ 100% และในปี 2567 จะเติบโตได้ดีต่อเนื่อง ซึ่งศูนย์ศัลยกรรมเราดังเรื่องจมูก และเสริมหน้าอก ดังนั้นมองเห็นช่องว่างในการเติบโตมีอีกค่อนข้างมากจากการเพิ่มรายการหัตถการต่าง ๆ เข้ามา เช่น การดูดไขมัน การตัดกราม และการดึงหน้า เป็นต้น

ด้านบทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ระบุว่า แนะนำ “ซื้อ” หุ้น KLINIQ ให้ราคาเป้าหมาย 42 บาทต่อหุ้น หลังคาดการณ์อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) จะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปี 67 เนื่องจากผู้บริหารเห็นการประหยัดต่อขนาด (Economy of scale) ที่ดีขึ้นของสาขาใหม่ที่เปิดในไตรมาส 1/67 เพราะปกติแล้วต้องใช้เวลาประมาณ 4-6 เดือนกว่าจะถึงจุดคุ้มทุน

นอกจากนี้การกลับมาเปิดสาขา KLINIQUE จำนวน 3 แห่ง ในไตรมาส 3/67 ซึ่งปิดปรับปรุงไปในไตรมาส 2/67 จะช่วยเพิ่มสัดส่วนรายได้ของ KLINIQUE ส่วนทางศูนย์ศัลยกรรมมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งมีการเปิดบริการใหม่ คือ การปลูกผม และการประหยัดต่อขนาดที่ดีขึ้น ด้วยอัตราการใช้งานห้องผ่าตัดอยู่ที่เกือบ 40% ในไตรมาส 2/67 เพิ่มขึ้นจาก 30% ในไตรมาส 1/67  อย่างไรก็ตาม KLINIQ มีการปรับลดเป้าหมายอัตรากำไรสุทธิในปี 67 แต่คงเป้ารายได้ปี 67 ตามเดิม ซึ่งผู้บริหารคาดว่าผลการดำเนินงานช่วงครึ่งปีหลังของปี 67 จะมีอัตรากำไรที่ดีกว่าในช่วงครึ่งปีแรก

Back to top button