BBIK พุ่งต่อ 6% ลุ้นรายได้ครึ่งปีหลังโตแกร่ง ตุนแบ็กล็อกแน่น 1.37 พันล้าน
BBIK วิ่งต่อ 6% จับตาผลงานครึ่งปีหลังโตเด่น โชว์แบ็กล็อกนิวไฮ 1,377 ล้านบาท มั่นใจทุบสถิติโตต่อเนื่อง 8 ปีซ้อน ชูดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันของภาคธุรกิจทยอยกลับมาดำเนินการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (23 ก.ย.67) ราคาหุ้น บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK ณ เวลา 10:44 น. อยู่ที่ระดับ 42.25 บาท บวก 2.25 บาท หรือ 5.63% สูงสุดที่ระดับ 42.75 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 41.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 66.31 ล้านบาท
ด้าน นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BBIK เปิดเผยว่า แผนงานครึ่งปีหลัง มีแนวโน้มฟื้นตัวจากภาคการท่องเที่ยว การบริโภคของภาคเอกชนที่ขยายตัวต่อเนื่อง และการใช้จ่ายภาครัฐที่กลับมาเร่งตัวขึ้น ส่งผลให้แผนงานด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันของภาคธุรกิจทยอยกลับมาดำเนินการ โดยบริษัทตั้งเป้าปรับ Utilization Rate ของพนักงานบริษัทในเครือจาก 50% เป็น 55-60% พร้อมเพิ่มจำนวนผู้บริหารประสบการณ์สูงในหลายตำแหน่ง เช่น ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ (COO) และประธานเจ้าหน้าที่พัฒนาธุรกิจ (CCO) เพื่อเสริมแกร่งกระบวนการทำงาน
รวมถึงเพิ่มความเข้มข้นในการทำ Cross-Selling, Up-Selling ขยายการให้บริการและผลิตภัณฑ์ผ่านฐานลูกค้าของบริษัทในเครือ และเริ่มดำเนินการแผน Cross Resource เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานสูงสุดและลดต้นทุนการบริหารจัดการที่ไม่จำเป็น ซึ่งแผนงานดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารจัดการต้นทุนและเตรียมความพร้อมรองรับการขยายตัวของบริษัททั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ที่มีความต้องการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันสูง
โดยบริษัทประเมินความต้องการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันและการปรับใช้เทคโนโลยี (Technology Adoption) ขององค์กร ลูกค้าจึงกลับมาอย่างรวดเร็วเมื่อเศรษฐกิจส่งสัญญาณบวก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการเงินและธนาคาร ประกันและค้าปลีก ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในการใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีจึงเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ผลประกอบการในครึ่งปีหลังของบลูบิคจะฟื้นตัวและเติบโตไม่น้อยกว่า 15% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ผนวกกับการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีทั้งในส่วนของบริษัทแม่และบริษัทในเครือเต็มปี และการบริหารจัดการภายในเพื่อลดต้นทุน รวมถึงผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งของธุรกิจที่บริษัทลงทุนไปก่อนหน้านี้ อาทิ บริษัทร่วมทุน ซอส สกิลส์ หนุนให้ภาพรวมผลประกอบการปี 2567 สามารถทำนิวไฮต่อเนื่องได้อีกครั้ง
ทั้งนี้ในส่วนของตลาดต่างประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง ประกอบด้วย ประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศที่เศรษฐกิจอยู่ในช่วงขาขึ้น ทำให้มีลูกค้าที่พร้อมลงทุนด้านเทคโนโลยีจำนวนมาก รวมถึงประเทศมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ที่ภาคธุรกิจกำลังให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมมากขึ้นต่อเนื่อง โดย BBIK ยังมองเห็นโอกาสในการขยายสัดส่วนลูกค้าเพิ่มเติมนอกเหนือจากภาคเอกชน โดยพบว่ากลุ่มลูกค้าภาครัฐมีความต้องการพัฒนาระบบที่ซับซ้อนและสามารถรองรับผู้ใช้งานจำนวนมหาศาล ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการรุกตลาดนี้อย่างจริงจัง
ขณะเดียวกัน มูลค่างานในมือ (Backlog) ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 2567 ของบลูบิคสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 1,377 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ซึ่งจำนวนนี้มาจากบริษัทแม่และบริษัทย่อยในเครือ 905 ล้านบาท และบริษัทร่วมทุน 472 ล้านบาท เตรียมรับรู้รายได้ของบริษัทแม่และบริษัทย่อยในเครือมากกว่า 506 ล้านบาท และบริษัทร่วมทุน 330 ล้านบาทในปีนี้ และที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปี 2568-2572 หนุนให้ผลประกอบการครึ่งปีหลังของปี 2567 เติบโตอย่างแข็งแกร่ง พร้อมทำนิวไฮโตต่อเนื่องเป็นปีที่ 8