“กรุงศรี” คัด 11 หุ้นเด่นรับ “บาทแข็ง” รอบ 20 เดือน ดันอัพไซด์กำไร “สายการบิน” พุ่ง
“บล.กรุงศรี” เปิด 11 หุ้นรับประโยชน์ “บาทแข็ง” ล่าสุดแตะ 32.9 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าสุดในรอบ 20 เดือน ชี้เงินบาทที่แข็งค่าทุกๆ 1 บาทจะมีอัพไซด์ 1 พันล้านบาท
ทีมกลยุทธ์ บล.กรุงศรี จำกัด หรือ KSS ออกบทวิเคราะห์หุ้นที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทแข็งค่าสุดในรอบ 1 ปี 8 เดือน ล่าสุด 32.9 บาท/ดอลลาร์ โดยเข็งค่าขึ้นราว 4 บาทจากสิ้นไตรมาส 2/67 หรือราว 10% qtd ผลจาก 1.ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ-ไทยที่มีแนวโน้มแคบลง 2.Capital Inflow 3.เศรษฐกิจภายในมีสัญญาณการฟื้นตัว หลังการเมืองชัด โดยประเมินแนวโน้มเงินบาทมีโอกาสแข็งค่าต่อ โดยแนวรับสำคัญทางเทคนิคที่ 32.55/32.186 บาท/ดอลลาร์ แนวต้าน 33.17/ 33.34 บาท
ทั้งนี้ เงินบาทที่แข็งค่าทุกๆ 1 บาท กลุ่มที่มี Upside บวกต่อกำไรมากที่สุด คือ กลุ่มการบิน AAV ทุกๆ 1 บาท Upside 1 พันล้านบาท (54% ของกำไรปี 67)
รองลงมาคือกลุ่มโรงไฟฟ้า (BGRIM เพิ่มราว 13%, EGCO เพิ่มราว 8%, GULF และ GPSC เพิ่มราว 3-4% ตามลำดับ)
กลุ่มเกษตร TVO เพิ่มราว 3%
หุ้น Mid /Small Cap ที่เน้นกลุ่มนำเข้าจากต่างประเทศ คือ MOSHI (นำเข้า 55% ของต้นทุน) KCG (50%) TAN (70%), SABINA (56%)
โดยรวมทุกบริษัท ทุกๆ 1% ของค่าเงินที่เปลี่ยนมีผลต่อกำไรตลาดในปี 67 เพิ่มราว 1-1.5%.
ด้านกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่า คือ กลุ่มส่งออก ชิ้นส่วน และ เกษตร มี Downside ราว -2.9%, -1.3% ตามลำดับ
KSS แนะนำกลยุทธ์การลงทุน ทิศทางเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่า ประเมินเป็นจิตวิทยาบวกต่อ Fund Flow และบวกต่อการลงทุนในไตรมาส 4/67 โดยยังคงเป้าดัชนี ณ สิ้นปี 67 ที่ระดับ 1,540 จุด แนะนำลงทุนหุ้นได้ประโยชน์ค่าเงินบาทแข็งค่า และได้ประโยชน์จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาลง กลุ่ม Domestic play
-กลุ่มโรงไฟฟ้า เน้น GULF (ราคาเป้าหมาย Max Consensus ที่ 68 บาท), ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง และเงินบาทแข็งค่า และหุ้นหลักที่ได้ประโยชน์กระแส Data Center
-กลุ่มสายการบิน เน้น AAV (ราคาเป้าหมาย 2.82 บาท) ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทที่แข็งค่ามากที่สุดและมีปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันดิบปรับลง)
-กลุ่มเกษตร เน้น TVO (ราคาเป้าหมาย 23.2 บาท) ระยะสั้นมีปัจจัยบวกจากแนวโน้มราคาถั่วเหลืองเริ่มกลับมาเป็นขาขึ้น แนวโน้มไตรมาส 3/67 คาดกำไรปกติฟื้นจากปีก่อน คาดการณ์ยอดขายเพิ่มจากไตรมาสก่อน
-กลุ่ม Mid Small
MOSHI (ราคาเป้าหมาย 64 บาท) นำเข้า 55% ของต้นทุน ทุกๆ 1% ของค่าเงินที่เปลี่ยนมีผลต่อกำไรปี 67 เพิ่มราว 1.5% โดยบริษัทมีจุดเด่นคือ องค์ประกอบการเติบโตครบทั้งการเติบโตของสาขาเดิมและการเปิดสาขาเชิงรุก เป็นค้าปลีกที่รายได้เติบโตเร็ว ระดับ 20% ระยะสั้น คาดการณ์กำไรไตรมาส 3/67 กลับมาเติบโตเด่นจากปีก่อน และไตรมาสก่อน
TAN (ราคาเป้าหมาย 21 บาท) (นำเข้า 70% ของต้นทุน) และเป็นหุ้นในกลุ่ม Discount Valuation PER ที่ 14 เท่า
ICHI (ราคาเป้าหมาย 22 บาท) (ได้ประโยชน์ขาส่งออกเป็นรูปเงินบาท และฝั่งนำเข้าหัวเชื้อเป็นรูปดอลลาร์สหรัฐ และได้ประโยชน์ทางอ้อมจากราคาน้ำมันลง หนุนราคา Packaging จะปรับลงตามเป็นบวกผลประกอบการ ผสานแนวโน้มไตรมาส 3/67 ที่ดีกว่าตลาดคาดการณ์เดิม คาดการณ์กำไรหลักเติบโตจากปีก่อน และไตรมาสก่อน