SEI วิ่งแรง 12% ส่งซิกงบครึ่งปีหลังโตรับ “ไฮซีซั่น” รับบาทแข็ง-รัฐเบิกจ่ายงบเพิ่ม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (26 ก.ย.67) ราคาหุ้น บริษัท เอสอีไอ เมดิคัล จำกัด (มหาชน) หรือ SEI ณ เวลา 11:51 น. อยู่ที่ระดับ 6.25 บาท บวก 0.65 บาท หรือ 11.61% สูงสุดที่ระดับ 6.35 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 5.60 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 172.09 ล้านบาท

ด้าน นายกานต์ ปุญญเจริญสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SEI เปิดเผยว่า บริษัทพอใจกับราคาหุ้นที่เข้าซื้อขายในตลาด mai เป็นวันแรกที่เปิดตลาด 7.50 บาท บวกเพิ่มขึ้น 141.94% สะท้อนนักลงทุนให้ความสนใจลงทุนในธุรกิจทางการแพทย์ที่อยู่ในเทรนด์การเติบโต ทั้งจากสังคมไทยที่เริ่มสู่สังคมผู้สูงอายุ การมุ่งสู่ศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติของไทย (Thailand Medical Hub) และยังเป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical Tourism) ด้วย

ขณะที่มีนักลงทุนรายใหญ่สนใจซื้อหุ้น SEI มองเป็นเรื่องความเชื่อมั่น เพราะราคาขายไอพีโอหุ้นละ 3.10 บาท เป็นราคาที่นักลงทุนมองว่ามีส่วนลด (Discount) จากมูลค่าจริงของบริษัท มีอัพไซด์ เพราะขายไม่แพง ขณะที่กำไรเติบโตต่อเนื่อง

สำหรับทิศทางผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2567 บริษัทมั่นใจว่าจะเห็นการเติบโตที่ดี เนื่องจากมีปัจจัยบวกเข้ามาส่งเสริม เช่น

1.ภาวะเงินบาทแข็งค่า ซึ่งบริษัทเป็นผู้นำเข้าอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ ทำให้ต้นทุนนำเข้าลดลง

2.อุตสาหกรรมเครื่องมือการแพทย์ขยายตัวได้ดี

3.การเบิกจ่ายงบภาครัฐที่ออกมามากขึ้น

โดยเฉพาะในส่วนของด้านสุขภาพ ทำให้มั่นใจว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ของปี 67 จะเติบโตทุกไตรมาส เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่น

ดังนั้นบริษัทตั้งเป้าหมายในปี 67 จะมีรายได้รวมที่ระดับ 400 ล้านบาท และมีความสามารถในการทำกำไรที่ดีกว่าปีก่อน และมีโอกาสที่จะทำได้ดีกว่าเป้าหมาย เนื่องจากในช่วงครึ่งปีหลังมีปัจจัยบวกค่อนข้างมาก และในฐานะผู้นำธุรกิจด้านการเป็นตัวแทนจำหน่ายและให้เช่าเครื่องมือทางการแพทย์ วัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ และเครื่องมือวิทยาศาสตร์แบบครบวงจร (One stop service) รวมถึงการสร้างความเชื่อมั่นต่อคู่ค้า และเป็นที่รู้จักเป็นวงกว้างมากขึ้นหลังเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ

ส่วนวัตถุประสงค์การระดมทุนขายหุ้นไอพีโอในครั้งนี้ จำนวน 144.04 ล้านบาท (ภายหลังหักค่าใช้จ่ายในการเสนอขายหลักทรัพย์ฯ) บริษัทจะนำมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการสั่งซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ใช้ในการขยายธุรกิจในกลุ่มเครื่องมือทางการแพทย์สู่สาขาทางการแพทย์อื่น ๆ อาทิ ผลิตภัณฑ์ประเภทวัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ จำนวน 100 ล้านบาท และอีก 44.04 ล้านบาท นำไปใช้ในโครงการร่วมลงทุนกับบริษัทอื่นที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการแพทย์ ที่เกี่ยวเนื่องกันกับการดำเนินงานของบริษัท รวมถึงคลินิก หรือโรงพยาบาลเฉพาะทาง เพื่อต่อยอดในการสร้าง Synergy ใหม่ ๆ ในเชิงธุรกิจ และการเพิ่มการให้บริการในส่วนการให้เช่าอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ ซึ่งจะช่วยต่อยอดการสร้างโอกาสการเติบโตสู่ New S-Curve ในอนาคต

“SEI จัดว่าเป็นหุ้นเมกะเทรนด์ทางการแพทย์ที่มีดีมานด์การเติบโตของอุตสาหกรรม ทำให้มั่นใจว่าหุ้นของบริษัท จะเป็นหุ้น Growth Stock ที่น่าสนใจของนักลงทุนที่ชอบลงทุนในกลุ่มเครื่องมือทางการแพทย์” นายกานต์ กล่าว

นายวรวัสส์ วัสสานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อวานการ์ด แคปปิตอล จำกัด เปิดเผยในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า การเข้าเทรดของ SEI ในวันแรก ได้รับการตอบรับอย่างคึกคัก สะท้อนถึงความน่าลงทุนของกลุ่มนักลงทุนที่เชื่อมั่นปัจจัยพื้นฐานของบริษัท โดยเห็นได้จากความสามารถในการทำกำไรที่โดดเด่นมาทุกปี และทำได้ดีในไตรมาส 2/2567 ซึ่งพิสูจน์ถึงความสำเร็จที่สะท้อนผ่านการซื้อขายเป็นวันแรกในวานนี้ และอยู่ระหว่างการปิดดีลกับพันธมิตรอีกหลายรายในอนาคตอันใกล้ หากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบต่อไป

นอกจากนี้ มองว่า SEI เป็นหุ้นในกลุ่มธุรกิจเมกะเทรนด์ทางการแพทย์ ที่มีทิศทางการเติบโตตามแนวโน้มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการดูแลสุขภาพ อาทิ ความงาม ศูนย์แพทย์เฉพาะทาง และศูนย์ดูแลผู้สูงอายุครบวงจร ซึ่งมีโอกาสขยายตัวได้สูง สอดคล้องกับธุรกิจของ SEI ที่ให้บริการเครื่องมือและนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ครบวงจรในทุกมิติ ดังนั้นภายหลังจากระดมทุนในครั้งนี้ เชื่อว่าจะสามารถต่อยอดความสำเร็จให้กับ SEI สู่การเติบโตในอนาคต

นายพายุพัด มหาผล กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญ เปิดเผยว่า ความสำเร็จในการเข้าเทรดวันแรกของ SEI สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มั่นใจในศักยภาพความแข็งแกร่งและโอกาสการเติบโตทางธุรกิจ เพราะ SEI เป็นหนึ่งในฟันเฟืองที่ต่อยอดความสำเร็จทางการแพทย์ เนื่องจากบริษัทเป็นผู้จำหน่าย และให้บริการทางด้านให้บริการเครื่องมือและนวัตกรรมทางการแพทย์ครบวงจรในทุกมิติ

โดยแบ่งเป็น 5 กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกช่วงเวลาของชีวิต ทั้งในกลุ่มสินค้าด้านกล้องส่องตรวจ (Endoscope) กลุ่มสินค้าสำหรับผู้ป่วย ทารกแรกเกิด (Neonatal Care) กลุ่มสินค้าด้านความงาม (Aesthetic) กลุ่มสินค้าด้านการผ่าตัด (Surgery) และกลุ่มสินค้าอุปกรณ์และเครื่องมือวิทยาศาสตร์ (Laboratory) ซึ่งต้องยอมรับว่า ปัจจุบันความต้องการใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ของแต่ละประเภทกลุ่มผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของผู้เข้ารับบริการ

ดังนั้นยิ่งกลุ่มอุตสาหกรรมทางการแพทย์เติบโตเพิ่มขึ้นเท่าไร ยิ่งหนุนให้ SEI เติบโตตามกลุ่มอุตสาหกรรม ดังนั้นจึงมั่นใจว่าจากแผนต่อยอดธุรกิจ จะผลักดันให้ SEI เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในอนาคต และจะเป็นหุ้น Growth Stock ที่สร้างมูลค่าเพิ่มและผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน