KTAM ผนึก EQT เปิดกองหุ้นนอกตลาด เคาะขาย 1-16 ต.ค.นี้ ลงทุนขั้นต่ำ 5 แสนบาท
KTAM ผนึก EQT เปิดกองหุ้น KT-GPEQ-UI นอกตลาด (Private Equity) โดยเสนอขายไอพีโอวันที่ 1-16 ต.ค. 2567 ลงทุนขั้นต่ำ 500,000 บาท
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTAMเปิดเผยว่า ปัจจุบันกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ที่มีรายได้เกิน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และอยู่ในตลาดหลักทรัพย์มีไม่ถึง 15% ของจำนวนบริษัททั้งหมด แสดงให้เห็นว่าอีกประมาณ 85% ที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์ คือโอกาสการลงทุนใน Private Equity ที่กว้างมากกว่า และอาจสามารถสร้างโอกาสการเติบโตได้มากขึ้น
นอกจากนี้ ขนาดของสินทรัพย์นอกตลาด ยังถือว่ามีขนาดเล็กกว่าสินทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หลายเท่าตัว ซึ่งมีโอกาสที่ขนาดของสินทรัพย์นอกตลาดจะโตได้มากขึ้นในอนาคต KTAM จึงได้เปิดเสนอขาย กองทุนเปิดเคแทม โกลบอลไพรเวทอิควิตี้ ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (KT-GPEQ-UI) โดยเสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 1-16 ต.ค. นี้ ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำ 500,000 บาท
นอกจากนี้ ยังมีโปรโมชันพิเศษสำหรับนักลงทุนที่ลงทุนช่วง IPO โดยการลงทุนทุก 1 ล้านบาท จะได้รับหน่วยลงทุน KTSTPLUS-A มูลค่า 700 บาท (ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด) พร้อมทั้งค่าธรรมเนียมการขายพิเศษสำหรับยอดเงินลงทุน โดยแบ่งเป็น เงินลงทุนต่ำกว่า 5 ล้านบาท/รายการ เรียกเก็บ 1.50% เงินลงทุนตั้งแต่ 5-20 ล้านบาท/รายการ เรียกเก็บ 1% และเงินลงทุนตั้งแต่ 20 ล้านบาทขึ้นไป เรียกเก็บ 0.75%
สำหรับ Private Equity เป็นการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกชนิดหนึ่ง ที่กองทุนและนักลงทุนจะเข้าไปซื้อหุ้นในธุรกิจที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์ โดยข้อดีของ Private Equity จะเป็นการลงทุนที่เข้าไปหาโอกาสการเติบโตของกลุ่มธุรกิจที่ยังไม่ได้เข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งถือเป็นโอกาสที่กว้างกว่าการลงทุนเพียงแค่หุ้นในตลาดหลักทรัพย์อย่างมาก และลงทุนผ่านพอร์ตโฟลิโอที่บริหารแบบเชิงรุกโดยที่เข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ สามารถส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงธุรกิจเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทที่เข้าไปลงทุน และทำการขายออกในราคาที่สูงกว่าเดิมโดยจะเน้นการลงทุนในระยะยาวเป็นหลัก
ขณะที่กองทุน KT-GPEQ-UI (ความเสี่ยงระดับ 8+) เป็นกองทุนรวมสำหรับผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษเท่านั้น และเป็นกองทุนรวมที่มีความเสี่ยงสูงหรือมีความซับซ้อน มีนโยบายเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของ EQT Nexus Fund SICAV – ENXF SICAV – I, Class I EUR-Z (กองทุนหลัก) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV
โดยกองทุนหลักจะมุ่งสร้างผลตอบแทนที่ปรับด้วยความเสี่ยง จากการเติบโตของเงินลงทุนในระยะปานกลางถึงระยะยาว ที่เน้นลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาด ผ่านการลงทุนในกองทุนที่ถูกจัดตั้งมาแล้วหรือกำลังจะจัดตั้งในอนาคต โดยมุ่งเน้นในกองทุนที่เป็น flagship ที่ EQT เป็นผู้บริหาร ผู้ให้คำแนะนำ และผู้ดำเนินการ ซึ่งจะมีการกระจายตัวทั้งประเภทของกลยุทธ์และอายุโครงการของกองทุน
สำหรับ EQT ซึ่งทำหน้าที่เป็น General Partner หรือผู้บริหาร EQT Nexus (กองทุนหลัก) มีผลงานที่แสดงถึงความสำเร็จในการพัฒนาบริษัททั่วทุกมุมโลก ครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรม โดย EQT ก่อตั้งในปี 1994 มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศสวีเดน และมีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการมูลค่ากว่า 242,000 พันล้านยูโร ซึ่งนับว่าติด 3 อันดับแรกของบริษัท Private Equity ที่ใหญ่ที่สุดทั่วโลก และเป็นบริษัทด้าน Private Equity ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป
ทั้งนี้ กองทุนหลักของ KT-GPEQ-UI มีวิธีการสร้างพอร์ตโฟลิโอโดยผ่าน 4 คุณลักษณะ ประกอบด้วย 1. กลยุทธ์ โดยใช้ประโยชน์จากโอกาสทั่วทุกระดับความเสี่ยงของสินทรัพย์นอกตลาด 2. ภูมิศาสตร์ ด้วยการวางน้ำหนักหลักในกลุ่มตลาดพัฒนาแล้ว (DM) โดยเอนไปทางฝั่งอเมริกาเหนือ และอาจเข้าถึงฝั่งตลาดกำลังพัฒนา (EM) ตามจังหวะและโอกาส 3. อุตสาหกรรม มุ่งเน้นกระจายน้ำหนักในอุตสาหกรรมหลักๆ รวมถึงอุตสาหกรรมที่มีทิศทางการเติบโตเป็นการเฉพาะ และ 4. ปีที่กองทุนเริ่มลงทุน (Vintage Year) โดยจะกระจายการลงทุนทั่วทุกวัฏจักรของธุรกิจ ผ่านการลงทุนในหลากหลายอุตสาหกรรม ด้วยมุมมองระยะยาว
“กองทุน KT-GPEQ-UI มีจุดเด่นที่สามารถสร้างโอกาสการเติบโตให้แก่พอร์ตการลงทุน จากการที่เข้าถึงการลงทุนในหุ้นนอกตลาดได้ง่าย โดยผ่านกองทุนที่บริหารโดย EQT ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในหุ้นนอกตลาด และการเข้าร่วมลงทุน ควบคู่กับกองทุนอื่นๆ ที่บริหารโดย EQT พร้อมทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสที่มากขึ้น จากการลงทุนทั่วทุกภูมิภาคและอุตสาหกรรม รวมถึงกระจายตัวทั่วทุกประเภทของหุ้นนอกตลาด รวมถึงธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสสร้างมูลค่าระยะยาว จากการที่ EQT จะทำการเข้าซื้อกิจการและเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อเข้าไปสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่บริษัทเหล่านั้น โดยจะซื้อบริษัทที่ดี เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม เพื่อโอกาสในการสร้างผลตอบแทนในระยะยาวต่อไป ดังนั้น กองทุน KT-GPEQ-UI จึงนับว่าเป็นอีกทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจ ซึ่งเหมาะสำหรับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้สูง และต้องการเพิ่มศักยภาพของผลตอบแทนให้กับพอร์ตโฟลิโอ” นางชวินดา กล่าว
โดยผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลและขอรับหนังสือชี้ชวนได้ทุกวันทำการได้ที่ บลจ.กรุงไทย โทร. 0-2686-6100 กด 9 หรือธนาคารกรุงไทย และผู้สนับสนุนการขายหรือรับซื้อคืนหน่วยลงทุน (ถ้ามี) หรือศึกษารายละเอียดได้ที่ www.ktam.co.th สนใจเปิดบัญชีผ่านแอปพลิเคชั่น KTAM Smart Trade ได้ที่ https://bit.ly/KTSTSignIn
สำหรับปัจจัยความเสี่ยงที่สำคัญ: ความเสี่ยงจากการลงทุนในทรัพย์สินประเภท Private Equity ความเสี่ยงทางตลาด ความเสี่ยงจากความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ออกตราสาร ความเสี่ยงด้านการกระจุกตัวของการลงทุน ความเสี่ยงในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน ความเสี่ยงในเรื่องคู่สัญญาในการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยง ความเสี่ยงของประเทศที่ลงทุน ความเสี่ยงของสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ความเสี่ยงจากการเข้าทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ความเสี่ยงจากการขาดสภาพคล่องของหลักทรัพย์ ความเสี่ยงจากการดำเนินงานของผู้ออกตราสาร ความเสี่ยงจากข้อจำกัดการนำเงินลงทุนกลับประเทศ และความเสี่ยงที่เกิดจากการย้ายการลงทุนไปกองทุนอื่น
ทั้งนี้ คำเตือน การลงทุนในหน่วยลงทุนกองที่มีความเสี่ยงสูงหรือมีความซับซ้อน มีความแตกต่างจากการลงทุนในกองทุนรวมทั่วไป แม้ว่าจะเคยมีประสบการณ์ในการลงทุนในหน่วยลงทุนอื่นมาก่อน ลูกค้าควรทำความเข้าใจถึงลักษณะสินค้า ความเสี่ยงและเงื่อนไขกองทุน และควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้แนะนำการลงทุน ก่อนตัดสินใจลงทุน / กองทุนนี้มีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงโดยดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ในกรณีที่กองทุนไม่ได้มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือจะได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ / กองทุนนี้ไม่ถูกจำกัดความเสี่ยงด้านการลงทุนเช่นเดียวกับกองทุนรวมทั่วไป และผู้ถือหน่วยลงทุนสามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้เมื่อถือครองหน่วยลงทุนดังกล่าว เป็นระยะเวลาตั้งแต่ 18 เดือนขึ้นไป โดยนับถัดจากเดือนที่ทำรายการซื้อหน่วยลงทุน (subscription trade date) ไปจนถึงเดือนที่ทำรายการขายคืนหน่วยลงทุน (redemption trade date)