AAV เด้ง 3% ลุ้นงบฯ Q3 แจ่ม รับต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิงลด-บาทแข็งค่า
AAV เด้ง 3% โบรกชี้ผลงานไตรมาส 3/67 โตต่อเนื่อง รับต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิงลดลง เงินบาทแข็งค่าขึ้น พร้อมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลง ยังคงแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” โดยได้ปรับราคาเป้าหมายใหม่อยู่ที่ 5 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (7 ต.ค.67) ราคาหุ้น บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV ปิดตลาดอยู่ที่ระดับ 2.56 บาท บวก 0.08 บาท หรือ 3.23% สูงสุดที่ระดับ 2.56 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 2.48 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 67.99 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุว่า AAV มีแนวโน้มจะรายงานผลการดำเนินงานหลักปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนในไตรมาส 3/67
ทั้งนี้ คาดการณ์เบื้องต้นว่าบริษัทจะรายงานขาดทุนหลักลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 4.9ล้านราย และเพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน รวมถึงค่าโดยสารเฉลี่ยที่สูงขึ้น 1,920 บาทต่อเที่ยว และเพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ลดลง 96 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลลดลง 14% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
สำหรับกำไรสุทธิคาดการณ์เบื้องต้นที่ 1.5-1.6 พันล้านบาท ซึ่งเป็นการพลิกกลับเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นอย่างมากจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าในไตรมาส 3/67
โดยปกติแล้วจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าตามฤดูกาลในไตรมาส 4/67 และเมื่อมองไปยังด้านต้นทุนประมาณ 70% ของต้นทุนขายและบริการของบริษัท (น้ำมันเชื้อเพลิง, ค่าซ่อมบำรุง และค่าเช่าเครื่องบิน) อยู่ในรูปแบบเหรียญสหรัฐต้นทุนการดำเนินงานของ AAV จะลดลงทั้งเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อนหน้าในไตรมาส 4/67 ในรูปแบบเงินบาท เนื่องจากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น นอกจากนี้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่คาดว่าจะลดลงทั้งเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อนหน้า (สอดคล้องกับราคาน้ำมันดิบที่มีแนวโน้มลดลงท่ามกลางอุปทานที่เพิ่มขึ้นแม้ว่าราคาน้ำมันดิบจะปรับตัวสูงขึ้นในระยะสั้นจากความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในตะวันออกกลางก็ตาม) จะหนุนการเติบโตของกำไรหลักในไตรมาส 4/67 เนื่องจากต้นทุนน้ำมันคิดเป็นประมาณ 40%ของต้นทุนขายและบริการของ AAV
โดยคาดการณ์ว่ากำไรหลักของ AAV ในไตรมาส 4/67 จะดีที่สุดในปี 2567 เพิ่มขึ้นทั้งเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อนหน้า ทั้งนี้ ยังคงแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” โดยได้ปรับราคาเป้าหมายใหม่อยู่ที่ 5 บาท