JMT บวก 4% ลุ้น Q3 ฟื้นตัว กำไรแตะ 400 ล้าน โบรกชูเป้าสูง 21.60 บาท

JMT บวก 4% ลุ้นผลงานไตรมาส 3/67 ฟื้นตัว กำไรแตะ 400 ล้านบาท โต 8.5% จากไตรมาสก่อนหน้า รับปริมาณการซื้อหนี้ที่เพิ่มขึ้น โดยแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 21.60 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (8 ต.ค. 67) ราคาหุ้น บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT อยู่ที่ระดับ 18.00 บาท บวก 0.70 บาท หรือ 4.05% สูงสุดที่ระดับ 18.20 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 17.20 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 500.25 ล้านบาท

บล.เอเอสแอล ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (8 ต.ค.67) ว่าแนะนำ “ซื้อ” JMT ที่ราคาเป้าหมายในปี 68 อยู่ที่ 21.60 บาท โดยแนวโน้มไตรมาส 3/67 เบื้องต้นคาดการณ์กำไรสุทธิราว 400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.5% จากไตรมาสก่อนหน้า จากปริมาณการซื้อหนี้ที่เพิ่มขึ้น และคาดหวัง cash collection จะเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า เพราะเริ่มเห็นโมเมนตัมของเดือน ก.ค.-ส.ค. ที่เติบโต โดยเฉพาะในเดือนก.ค. ที่ทำได้มากกว่าเดือนที่ดีที่สุดในงวดไตรมาส 2/67 ตามกระแสการทำ TOR ของลูกค้าทเพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งเป็น เพราะลูกหนี้ที่รับซื้อมามีอายุที่น้อย

ส่วนภาพรวมเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ยังชะลอตัวลงจากการตั้งสำรองที่อยู่ในระดับสูงจากภาวะเศรษฐกิจที่เปราะบาง ภายใต้รายได้ที่ทรงตัว และบริษัทมีแผนปรับปรุงการติดตามหนี้ โดยการใช้กระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งตั้งเป้าค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ในงวดครึ่งหลังของปี 67 ราว 500 ล้านบาท ส่งผลให้ในช่วงแรก (ไตรมาส 3/67) จะเห็นค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้น ก่อนที่ในช่วงปลายไตรมาส 4/67 เป็นต้นไป จะเริ่มเห็นผลของค่าใช้จ่าย ECL ที่ลดลง หนุนผลประกอบการในไตรมาส 4/67 ไปจนถึงปี 68 ให้เติบโต

เนื่องจากโมเมนตัมการเติบโตของกำไรสุทธิในปี 68 โดดเด่นจาก cash collection ที่ดีขึ้น และการตั้งสำรองที่ลดลง และแนวโน้มการจัดตั้ง JV AMC กับสถาบันทางการเงินอีก 1 แห่ง โดยคาดการณ์ว่าจะยังคงกลุ่มสินทรัพย์ที่ไม่มีหลักประกันมูลค่าหนี้ราว 3 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 5.7% ของสินทรัพย์ (รวม JK AMC) ที่ JMT บริหารในปัจจุบัน

อีกทั้งการคงระดับการจ่ายปันผลในระดับสูงต่อเนื่อง (ปี 23 มี payout ratio ที่ 60%) ซึ่งคาด payout ratio ที่ 65% ตลอดปี 67-69 ทำให้คิดเป็นผลตอบแทนราว 3.9-5.3% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า

ส่วน PBV ควรกลับไปซื้อขายที่ 1.1 เท่า ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยย้อนหลังระยะยาว –1.4SD จากระดับปัจจุบันที่ 1.03 เท่า ตามแนวโน้มของ ROE ที่ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในปีนี้ และราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมากว่า 26.7% ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน แต่ในรอบ 60 วันที่ผ่านมา ปรับตัวขึ้น 33.60% สะท้อนภาพตลาดรับรู้ผลประกอบการที่ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว และรอการฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 3/67 เป็นต้นไป ซึ่งราคาปัจจุบันยังมี upside ราว 15%

Back to top button