WICE ตั้งเป้ารายได้ปี 59 โตไม่ต่ำกว่า 20% เล็งซื้อกิจการ 2-3 แห่ง
WICE คาดผลประกอบการปี 58 ใกล้เคียงกับปี 57 ที่มีรายได้รวมประมาณ 677 ลบ.ส่วนปี 59 ตั้งเป้ารายได้ โตไม่ต่ำกว่า 20% ,เล็งซื้อกิจการ 2-3 แห่ง
นางอารยา คงสุนทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ WICE เปิดเผยว่า สำหรับแนวโน้มผลประกอบการปี 58 คาดว่าจะอยู่ใกล้เคียงกับปี 57 ที่มีรายได้รวมประมาณ 677 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ว่าจะมีการเติบโต 20% เนื่องจากสถานการเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวกระทบต่อธุรกิจโลจิสติกส์ ขณะที่คาดว่าทั้งอัตรากำไรสุทธิ และอัตรากำไรขั้นต้นลดลง เมื่อเทียบกับปี 57 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ส่งผลให้ภาพรวมของธุรกิจโลจิสติกส์ชะลอตามไปด้วย
โดยบริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ปี 59 เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% มาที่ราว 900 ล้านบาท เนื่องจากจะเริ่มรับรู้รายได้จากงานใหม่ด้านบริหารคลังสินค้า การขยายลานจอด เพิ่มหัวลาก-หางพ่วง รองรับปริมาณงานกรุงเทพฯและปริมณฑลที่เป็นตลาด Consumer ขนาดใหญ่
ประกอบกับรายได้จากลูกค้าเก่า และลูกค้าใหม่เข้ามาช่วยเสริมผลประกอบการให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยในปีนี้จะมีสัดส่วนรายได้จากการขนส่งระหว่างประเทศเป็นราว 70% และส่วนที่เหลืออีก 30% มาจากงานให้บริการพิธีการศุลกากร และขนส่งในประเทศ งานให้บริการจัดการคลังสินค้า
ขณะที่คาดว่าอัตรากำไรสุทธิปีนี้จะอยู่ที่ราว 9-10% และมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ระดับ 20-25% ซึ่งปรับขึ้นมากใกล้เคียงกับปี 57 ที่มีอัตรากำไรสุทธิ 9.6% และอัตรากำไรขั้นต้นที่ 26% โดยปีนี้จะมีรายได้จากธุรกิจคลังสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูงเข้ามาเพิ่ม
ทั้งนี้ บริษัทยังเดินหน้าขยายธุรกิจในงานส่วนของการบริหารจัดการคลังสินค้า งานบริการขนส่งสินค้าในประเทศ และขยายฐานลูกค้าในส่วนของการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศแบบ Door-to-Door ซึ่งปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้าอีก 3 ราย โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงไตรมาส 2/59 นอกจากนี้ยังมีแผนหาพันธมิตรเพิ่มในต่างประเทศ จากเดิมที่มีอยู่แล้วโดยเน้นไปที่ประเทศจีน ซึ่งต้องการหารายใหม่ เพิ่มอีก 1-2 ราย เพื่อขยายฐานลูกค้าให้มากยิ่งขึ้น
สำหรับแผนการขยายกิจการปีนี้ บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ 300 ล้านบาท แบ่งเป็น 80 ล้านบาท ใช้ซื้อรถบรรทุกหัวลาก-หางพ่วง 10 ล้านบาท ใช้ขยายลานจอดรถบรรทุกหัวลาก-หางพ่วง รวมทั้งลานวางตู้คอนเทนเนอร์ 10 ล้านบาท ใช้ลงทุนระบบไอที ส่วนที่เหลืออีก 200 ล้านบาท ใช้ลงทุนคลังสินค้า โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาทั้งการเข้าซื้อ และการสร้างเอง ซึ่งจะมีความชัดเจนในช่วงไตรมาส 2/59 โดยขนาดของคลังสินค้าที่มีความเหมาะสมต้องไม่นอยกว่า 13,000 ตารางเมตร
ส่วนภาพรวมธุรกิจโลจิสติกส์ในปีนี้ มองว่าจะเติบโตได้ดีขึ้นจากปีก่อนเนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯเริ่มปรับตัวดีขึ้น จะส่งผลให้ปริมาณการนำเข้าส่งออกปรับตัวเพิ่มขึ้นตาม อีกทั้งการย้ายฐานการผลิตของผู้ประกอบการประเทศต่างๆเข้าสู่ภูมิภาคอาเซียน ยังเป็นโอกาสให้ความต้องการงานบริการด้านโลจิสติกส์มีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นโอกาสในการขยายฐานลูกค้าและบริการด้านต่างๆของบริษัท
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาเข้าซื้อกิจการ 2-3 แห่ง โดยบริษัทดังกล่าวมีรายได้ราว 400-500 ล้านบาท/ปี ซึ่งเป็นกิจการที่จะเข้ามาเสริมความแข่งแกร่งและทำให้กิจการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตามยังไม่สามารถเปิดเผยถึงรายละเอียดได้
โดยบริษัทได้เตรียมหลายแนวทางสำหรับหาแหล่งเงินทุนเพื่อใช้ซื้อกิจการ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) 0.17 เท่าทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายระยะยาว (ปี 59-61) จะมีรายได้ที่ไม่รวมการเข้าซื้อกิจการเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% ต่อปี