CKP บวก 3% ลุ้นกำไร Q3 ทะลุ 1.6 พันล้าน รับรายได้โรงไฟฟ้าพุ่ง โบรกเคาะเป้าใหม่ 5.20 บาท

CKP บวก 3% จ่อโกยกำไรไตรมาส 3/67 กว่า 1,621 ล้านบาท พีกสุด โต 59% ลานีญาหนุน รายได้โรงไฟฟ้าไซยะบุรี และโรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 พร้อมก่อสร้างโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ร่วมกับ BEM อีก 3 โครงการ โบรกฯ ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาใหม่เป็น 5.20 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (9 ต.ค.67) ราคาหุ้น บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP ณ เวลา 11:28 น. อยู่ที่ระดับ 3.82 บาท บวก 0.12 บาท หรือ 3.24% สูงสุดที่ระดับ 3.84 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 3.72 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 30.53 ล้านบาท

นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ CKP กล่าวว่า ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้คาดว่าจะมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นตามฤดูกาลน้ำหลาก ผนวกกับปรากฏการณ์ลานีญาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่งผลให้แนวโน้มปริมาณน้ำของโรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 และโรงไฟฟ้าไซยะบุรี ปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทได้มีการวางแผนและเตรียมความพร้อมในการผลิตไฟฟ้าให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำ

นอกจากนี้ บริษัท บางเขนชัย จำกัด (BKC) ได้อยู่ระหว่างการเตรียมการก่อสร้างโครงการไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ร่วมกับบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM อีก 3 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 7 เมกะวัตต์ ซึ่งนับเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยผลักดันภาคขนส่งสาธารณะระบบรางให้เปลี่ยนผ่านสู่การใช้พลังงานหมุนเวียนครั้งแรกของประเทศไทย โดยปัจจุบัน CKP ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานประเภทต่าง ๆ 3 ประเภท จำนวน 18 แห่ง กำลังการผลิตติดตั้งรวม 3,640 เมกะวัตต์

สำหรับก้าวเดินต่อจากนี้ของ CKP ได้เตรียมวางแผนลงทุนและพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน พร้อมวางรากฐานทางพลังงานทั้งภายในและต่างประเทศ ควบคู่กับการรักษาความสมดุลของระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีในชุมชนและสังคม ผ่านการใช้ความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมในการคิดค้นนวัตกรรมและโครงการต่าง ๆ ตลอดจนขยายผลการสร้างองค์ความรู้ด้านพลังงานหมุนเวียนสู่เยาวชน ชุมชน สังคม เพื่อเดินหน้าสู่เป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ที่สามารถหวังผลในระยะยาวอย่างเป็นรูปธรรมภายในปี 2593

นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า แนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 3/2567 ของ CKP คาดว่าจะอยู่ที่ 1,621 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 2,092%  เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยมาจากรายได้ที่สูงขึ้น ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนที่มากขึ้น และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เพิ่มขึ้น คาด CKP มีแนวโน้มที่จะเข้าสู่รอบการเติบโตของกำไรไปจนถึงปี 2568 ซึ่งมีแรงหนุนจากสภาพอากาศลานีญา และสถานการณ์ที่ดีขึ้นของโรงไฟฟ้าไซยะบุรี (XPCL) ดังนั้นจึงปรับคำแนะนำ CKP เป็น “ซื้อ” จาก “ซื้อเก็งกำไร” พร้อมปรับราคาเป้าหมายใหม่เป็น 5.20 บาทต่อหุ้น จากเดิม 4.30 บาท

ทั้งนี้ แม้ XPCL จะมีการหยุดผลิตไฟฟ้ารวม 17 วัน ในช่วงเดือนสิงหาคมถึงกันยายน แต่คาดว่ากำไรหลักจะเพิ่มขึ้น โดยมาจากรายได้ที่สูงขึ้นและอัตรากำไรขั้นต้นที่เกิดจากประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าที่ดีขึ้นที่โรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 (NN2) และการเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน 33% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และจากส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุน เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนที่ 1.1 พันล้านบาท ซึ่งเกิดจากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนหลักจากโครงการหลวงพระบาง (LPCL)

ขณะเดียวกัน ได้ปรับประมาณการกำไรหลักสำหรับปี 2567-2569 ขึ้น 48%, 17%, และ 9% ตามลำดับ มาจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งในไตรมาส 3/2567 และคาดการเติบโตของกำไรในไตรมาส 4/2567 ถึงไตรมาส 1/2568 ที่เกิดจากปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำที่สูงขึ้น และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนที่มากกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ยังได้ปรับสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นขึ้นเป็น 26.7%, 26.5% และ 21.7% (จากเดิมคือ 25.4%, 20.6% และ 20.7%) เพื่อสะท้อนถึงประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ดีขึ้น รวมทั้งได้ปรับอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร หรือ SG&A ต่อรายได้เป็น 5.2% จากเดิมคือ 4.9% และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนเพิ่มขึ้นอีก 54% จากประมาณการเดิมเป็น 936 ล้านบาทในปี 2567

รายงานข้อมูลจาก LSEG CONSENSUS ประมาณการรายได้รวมปีนี้ของ CKP ที่ 10,041.24 ล้านบาท ราคาเป้าหมายเฉลี่ย 4.59 บาท จาก 5 โบรกเกอร์

Back to top button