GULF นำทีม BCH-BDMS วิ่ง! โบรกชูพื้นฐานดี กำไรไตรมาส 3 โตแกร่ง

“บล.อินโนเวสท์ เอกซ์” เปิดโผ 5 หุ้นเด่นปั๊มกำไรพอร์ตการลงทุนระยะกลาง ชูกลุ่มโรงพยาบาล โรงไฟฟ้า สื่อสาร นำโดย BEM-BCH-BDMS-GULF-TRUE พื้นฐานดี แนวโน้มกำไรไตรมาส 3/67 โตแกร่ง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (10 ต.ค.67) ณ เวลา 10:06 น. ราคาหุ้น บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF อยู่ที่ระดับ 62.50 บาท บวก 0.75 บาท หรือ 1.21% สูงสุดที่ระดับ 62.75 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 61.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 416.35 ล้านบาท

บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH อยู่ที่ระดับ 18.10 บาท บวก 0.20 บาท หรือ 1.12% สูงสุดที่ระดับ 18.20 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 18.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 46.63 ล้านบาท

บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS อยู่ที่ระดับ 30.25 บาท บวก 0.25 บาท หรือ 0.83% สูงสุดที่ระดับ 30.25 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 30.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 27.53 ล้านบาท

ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำกลยุทธ์ลงทุนช่วงนี้ว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงสั้นคาดแกว่งตัวไซด์เวย์ มีอัพไซด์จํากัดเนื่องจากในประเทศขาดปัจจัยหนุนใหม่เพิ่มเติม ตลาดฯ ยังอยู่ระหว่างรอความชัดเจนเรื่องทิศทางดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รวมถึงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ที่อาจถูกหักล้างด้วยความผันผวนของค่าเงินบาทในระยะสั้นนี้ได้

อีกทั้งตลาดหุ้นทั่วโลกยังอยู่ในภาวะ Risk-off หลังกังวลความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง ทําให้ฟันด์โฟลว์ยังมีแนวโน้มไหลออกจากตลาดหุ้นไทย ขณะที่ปัจจัยภายนอกมองว่าเงินเฟ้อสหรัฐฯ จะไม่ส่งผลต่อตลาดการเงินมากนัก ส่วนทิศทางดอกเบี้ยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาดช่วงที่เหลือของปีนี้ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนํา “Selective Buy” เน้นเลือกหุ้นที่มีผลประกอบการอยู่ในช่วงขาขึ้น (Earning Play) เป็นหลัก

สําหรับนักลงทุนระยะกลาง ที่ต้องการหุ้นพื้นฐานดีที่กําไรไตรมาส 3/67 มีแนวโน้มเติบโตจากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนและจากไตรมาสก่อนหน้า หุ้นเด่นแนะนำ คือ

1.บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM แนะนำเพิ่มน้ำหนักลงทุน (Outperform) ให้ราคาเป้าหมาย 10.50 บาท โดย BEM รายงานกําไรช่วงครึ่งปีแรก 67 อยู่ในแนวโน้มที่จะเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ทั้งปี ส่วนกําไรช่วงครึ่งปีหลัง 67 คาดจะแข็งแกร่งขึ้นจากช่วงครึ่งปีแรก จากจำนวนผู้โดยสาร MRT ที่เพิ่มขึ้นและการปรับขึ้นค่าโดยสาร

ขณะที่โมเมนตัมกําไรไตรมาส 3/67 ดีขึ้นจากไตรมาสก่อนและช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน โดยการเติบโตจากไตรมาสก่อนจะได้แรงหนุนจากปัจจัยฤดูกาล เนื่องจากมีวันหยุดน้อยลงและโรงเรียนกลับมาเปิดเรียน ขณะที่ช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนจะได้แรงหนุนจากจำนวนผู้โดยสาร MRT (สายสีนํ้าเงิน)

2.BCH แนะนำ Outperform ให้ราคาเป้าหมาย 21.00 บาท โดย BCH จะบันทึกรายได้ SC สําหรับค่ารักษาพยาบาลโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง ในอัตราที่ลดลงในไตรมาส 4/67 ตามหลักความระมัดระวังในกรณีที่งบประมาณอาจไม่เพียงพอในปี 67 ซึ่งจะส่งผลให้กําไรไตรมาส 4/67 อ่อนแอ แม้ว่าจะใช้สมมติฐานการจ่ายค่ารักษาพยาบาลโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูงลดลง แต่ยังมองว่า กําไรของ BCH มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นในปี 68 ด้วยอัตราการเติบโต 19% โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการขยาย/ปรับปรุงโรงพยาบาล การอัพเกรดโรงพยาบาล และการเพิ่มบริการใหม่ ๆ สำหรับกําไรไตรมาส 3/67 คาดเติบโตทั้งจากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน และจากไตรมาสก่อน จากปัจจัยฤดูกาล

3.BDMS แนะนำ Outperform ให้ราคาเป้าหมาย 36.00 บาท มีมุมมองเชิงบวกต่อ BDMS มองปัจจัยระยะสั้นที่ช่วยสนับสนุนให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น มาจากกําไรที่แข็งแกร่งตามฤดูกาลและสถานะที่แข็งแกร่งกว่าผู้ประกอบการโรงพยาบาลรายอื่น ๆ ช่วยสนับสนุนให้กําไรปกติของ BDMS ทําสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในไตรมาส 3/2567 ทั้งนี้ BDMS เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มบริการทางการแพทย์

ทั้งนี้ ปกติแล้วไตรมาส 3 จะเป็นช่วงไฮซีซั่นของกลุ่มธุรกิจบริการทางการแพทย์ ซึ่งได้รับปัจจัยหนุนจากโรคตามฤดูกาล (บริการผู้ป่วยชาวไทย) และภาพรวมการท่องเที่ยวไทยที่ดีขึ้น (บริการผู้ป่วยชาวต่างชาติ) โดยในเบื้องต้น ประเมินกําไรปกติไตรมาส 3/2567 ของ BDMS ได้ที่ 4.3-4.4 พันลบ. เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน และจากไตรมาสก่อน และทําสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์

4.GULF แนะนำ Outperform ให้ราคาเป้าหมาย 63.00 บาท คาดว่ากําไรเติบโตต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยได้แรงหนุนจากกําลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น 2,700 MW สู่ 15,167 MW ในปี 67 ผ่านทางโครงการหลายโครงการ ได้แก่ 1. โรงไฟฟ้า IPP ใหม่ GPD หน่วยที่ 3 กําลังการผลิต 662.5 MW เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือนต.ค. 2567 และ GPD หน่วยที่ 4 กําลังการผลิต 662.5 MW เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือนต.ค. 2567) 2. โรงไฟฟ้า IPP ใหม่ที่โครงการโรงไฟฟ้าหินกอง (HKP) หน่วยที่ 1 (กําลังการผลิต 770 MW เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือนมี.ค. 2567) 3. การเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ตามแผนของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน (BESS) และโครงการโซลาร์รูฟท็อป กําลังการผลิตรวม 605 MW ในช่วงครึ่งปีหลัง 2567

5.บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE แนะนำ Outperform ให้ราคาเป้าหมาย 11.50 บาท คาดกําไรปกติจะเติบโตจากไตรมาสก่อนและจากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน ในไตรมาส 3/2567 ได้รับการสนับสนุนจากการลดต้นทุนต่อเนื่อง ขณะที่การแข่งขันด้านราคาน่าจะยังคงไม่รุนแรงทั้งธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และธุรกิจ FBB ซึ่งบ่งชี้ว่า ARPU จะปรับตัวดีขึ้นได้อีก ทั้งนี้ กําไรสุทธิอาจจะยังคงมีตัวเลขติดลบเนื่องจากมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัย แต่อินโนเวสท์ เอกซ์ยังมองว่า นักลงทุนควรโฟกัสที่กําไรปกติ

Back to top button