TASCO-DCC วิ่ง! รับข่าว “ธอส.-ธกส.-ออมสิน” ปล่อยสินเชื่อ อุ้มกลุ่มน้ำท่วมซ่อมแซมบ้าน
TASCO-DCC บวกคึก! รับครม.ไฟเขียวมาตรการสินเชื่อช่วยกลุ่มน้ำท่วม “ออมสิน-ธอส.-ธกส.” อุ้มกลุ่มน้ำท่วม ฟากโบรกฯ แนะนำ “ซื้อ” TASCO รับเละงานซ่อมถนน ราคาเป้าหมาย 19.70 บาท ส่วน DCC รับผลดีขายวัสดุซ่อมแซมบ้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (16 ต.ค.67) ณ เวลา 10:53 น. ราคาหุ้น บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TASCO อยู่ที่ระดับ 18.50 บาท บวก 0.40 บาท หรือ 2.21% สูงสุดที่ระดับ 18.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 18.20 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 51.15 ล้านบาท
บริษัท ไดนาสตี้เซรามิค จำกัด (มหาชน) หรือ DCC อยู่ที่ระดับ 1.92 บาท บวก 0.01 บาท หรือ 0.52% สูงสุดที่ระดับ 1.92 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.91 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 0.88 ล้านบาท
บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) หรือ DOHOME อยู่ที่ระดับ 10.20 บาท บวก 0.25 บาท หรือ 2.51% สูงสุดที่ระดับ 10.20 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 9.95 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 29.11 ล้านบาท
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด กล่าวว่า หากย้อนกลับไปดูตลาดหุ้นไทยช่วงที่เกิดวิกฤตน้ำท่วมปี 64 พบว่าภายในระยะเวลา 2 เดือน ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงไปถึง 24.5% แล้วใช้เวลาฟื้นกลับมาถึง 5 เดือน อย่างไรก็ตามไม่ใช่หุ้นทุกตัวจะถูกผลกระทบแรงทั้งหมด ดังนั้นจึงทำการวิเคราะห์และค้นหาหุ้นที่เป็นเหมือนถุงยังชีพติดพอร์ต เพื่อหลบหรือลดความเสี่ยงจากกรณีน้ำท่วม โดยผ่านเงื่อนไขต่าง ๆ ดังนี้ 1.เป็นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวเวลาเกิดวิกฤตน้ำท่วม 2.เป็นหุ้นในกลุ่มที่มักปรับตัวได้ดีกว่า (Outperform) ตลาด ที่เกิดวิกฤตน้ำท่วมปี 54 ได้ผลลัพธ์ที่น่าสนใจ
โดยเฉพาะหุ้นที่เกี่ยวกับการซ่อมแซมบ้านเรือนและสถานที่หลังน้ำท่วม แนะนำ บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TASCO (ซ่อมแซมถนน), บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO, บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOBAL, บริษัท ไดนาสตี้เซรามิค จำกัด (มหาชน) หรือ DCC, บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT (ซ่อมแซมบ้านเรือน) ทั้งนี้กลยุทธ์การลงทุนภายใต้สถานการณ์เฝ้าระวังน้ำท่วม แนะนำหุ้นที่เป็นเหมือนถุงยังชีพติดพอร์ต อย่าง DOHOME เป็นหุ้นเด่น
บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ระบุว่า นักลงทุนที่ต้องการหุ้นเก็งกำไรซึ่งได้อานิสงส์บวกจากสถานการณ์น้ำท่วม แนะนำ HMPRO, GLOBAL, DCC และ TASCO โดยสถิติปี 53-66 (เฉพาะปีที่เกิดน้ำท่วมในภาวะ La Nina ยกเว้นปี 63 ซึ่งเผชิญวิกฤตโควิด-19) พบว่าหากซื้อลงทุน และขายต้นเดือน พ.ย. คาดหวังจะได้ผลตอบแทนเฉลี่ยราว 5%
บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด แนะนำ “ซื้อ” TASCO พร้อมให้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 67 ใหม่ที่ 19.70 บาท โดยเบื้องต้นคาดกำไรปกติไตรมาส 3/2567 ที่ระดับ 500-600 ล้านบาท เติบโตทั้งจากไตรมาสก่อนและจากช่วงเดียวกันปีก่อน และเป็นจุดสูงสุดของปี หลังได้แรงหนุนจาก 1.ปริมาณขายยางมะตอยรวมที่คาดฟื้นตัวกลับมาที่ระดับ 2.8-3.0 แสนตัน จาก 2.3 แสนตัน ในไตรมาส 2/67 และ 2.6 แสนตัน ในไตรมาส 3/66 หลังการเบิกจ่ายงบประมาณทำได้ต่อเนื่องและสูงกว่าปีก่อน และคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นฟื้นตัวกลับมาที่ระดับ 10.0-12.0% ตามสัดส่วนการขายยางมะตอยในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้หากมองไปช่วงไตรมาส 4/2567 คาดกำไรปกติจะลดลงจากไตรมาสก่อนตามฤดูกาล แต่ยังสามารถเติบโตจากช่วงเดียวกันปีก่อนได้ต่อเนื่อง ตามปริมาณขายและอัตรากำไรขั้นต้นที่ฟื้นตัวหลังคาดการอนุมัติงบประมาณฯ ไม่ล่าช้าเหมือนปีก่อน
ขณะเดียวกัน นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยว่า นอกเหนือจากที่รัฐบาลจะให้เงินช่วยเหลือเยียวยาความเสียหายครอบครัวละ 9,000 บาท และค่าล้างโคลนครัวเรือนละ 10,000 บาทแล้ว ในส่วนของกระทรวงการคลังจะมีมาตรการเพิ่มเติม ดังนี้
การปล่อยสินเชื่อของแบงก์รัฐ ประกอบด้วย ธนาคารออมสิน มีวงเงินสินเชื่อ 5 หมื่นล้านบาท สำหรับเอสเอ็มอี โดยธนาคารพาณิชย์ 16 แห่ง จะรับไปดำเนินการต่อในอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 3.5% ระยะเวลา 2 ปี รายละไม่เกิน 40 ล้านบาท รวมทั้งพักเงินต้นไม่คิดดอกเบี้ยเป็นเวลา 6 เดือน สำหรับวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 10 ล้านบาท และปรับลดอัตราชำระขั้นต้นเหลือ 3% ในสามรอบบัญชีสำหรับบัตรเครดิต
ด้านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ให้ขยายเวลาการชำระหนี้เป็น 20 ปี, ปล่อยสินเชื่อฉุกเฉินเพื่อปรับสภาพคล่องไม่เกิน 5 หมื่นบาท/ราย กู้ได้ไม่เกิน 3 ปี คิดดอกเบี้ย 0% ช่วง 6 เดือนแรก หลังจากนั้นคิดดอกเบี้ย MRR และปล่อยสินเชื่อเพื่อฟื้นฟูคุณภาพชีวิต ซ่อมแซมบ้านเรือน และเครื่องมือทางการเกษตร รายละ 5 แสนบาท คิดดอกเบี้ย MRR-2 ต่อปี ระยะเวลากู้ไม่เกิน 15 ปี
ส่วนธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ลดเงินงวดชำระลง 50%, ลดดอกเบี้ยเหลือ 2.00% เป็นเวลา 6 เดือน, ลูกค้า NPL ที่มีหลักประกันสามารถประนอมหนี้ ช่วง 1 ปี 6 เดือนแรก คิดดอกเบี้ย 0% สามารถผ่อนชำระได้ไม่เกินงวดละ 1,000 บาท หนี้ส่วนที่เหลือคิดดอกเบี้ย 1% และสินเชื่อซ่อมบ้านวงเงิน 2 ล้านบาท/ราย ดอกเบี้ย 3 เดือนแรก 0% ส่วนที่เหลือดอกเบี้ย 2-6%
ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย พักหนี้เงินต้น ชำระเฉพาะอัตรากำไร ขณะที่ธนาคารเอสเอ็มอี พักเงินต้นและดอกเบี้ยสำหรับเงินกู้อัตราคงที่ไม่เกิน 12 เดือน, ขยายเวลาเงินกู้พี/เอ็นออกไปเป็นไม่เกิน 180 วัน และทุนฉุกเฉินฟื้นฟูกิจการเพิ่มอีก 10% รวมทั้งธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) ขยายเวลาเงินกู้พี/เอ็นออกไปเป็นไม่เกิน 180 วัน
นอกจากนี้ ยังมีโครงการของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บยส.) ที่เป็นวงเงินค้ำประกันสินเชื่อประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยวงเงินต่อราย 10,000-2,000,000 บาท ค่าธรรมเนียม 1.25% ต่อปี ระยะเวลาค้ำประกันไม่เกิน 10 ปี รวมทั้งการยกเว้นภาษีเงินได้ กรณีบุคคลธรรมดา ไม่ต้องนำเงินชดเชยมาคำนวณเสียภาษี กรณีนิติบุคคล ไม่ต้องนำเงินชดเชยมาคำนวณเสียภาษี และยกเว้นภาษีอากรนำเข้าสิ่งของที่นำมาบริจาค
ขณะที่ กรมธนารักษ์ ยกเว้นค่าเช่ากรณีที่ได้รับความเสียหายบางส่วน ยกเว้นค่าเช่าเป็นเวลา 1 ปี, กรณีที่ได้รับความเสียหายทั้งหมด ยกเว้นค่าเช่าเป็นเวลา 2 ปี, กรณีเป็นเกษตรกร ยกเว้นค่าเช่า 1 ปี, กรณีผู้ประกอบการที่ไม่สามารถประกอบกิจการได้ภายใน 3 วัน หรือเกินกว่า 3 เดือน ยกเว้นค่าเช่าโดยพิจารณาเป็นเดือน ๆ ไป และกรณีจ่ายค่าเช่าล่าช้า ไม่คิดเงินเพิ่ม
สำหรับการส่งเสริมการลงทุน ขณะนี้กำลังพิจารณาการออกระเบียบเป็นพระราชกฤษฎีกา เช่น มาตรการลดหย่อนภาษี สำหรับรายจ่ายซื้อวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง สามารถนำมาลดหย่อนภาษี ขยายเวลายื่นแบบชำระภาษี ยกเว้นการนำเข้าเครื่องจักรมาทดแทนเครื่องจักรที่ได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ยังจะมีการออกซอฟต์โลน สำหรับกลุ่มภาคท่องเที่ยวจำนวน 50,000 ล้านบาท เพื่อเร่งการฟื้นฟูท่องเที่ยวให้กลับมา