วิตกเศรษฐกิจโลกชะลอตัวฉุดตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (1 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก หลังจากราคาน้ำมันร่วงลง ขณะที่ภาคการผลิตของสหรัฐและจีนต่างก็หดตัวลงในเดือม.ค.
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.2% ปิด (1 ก.พ.) ที่ 341.61 จุด, ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,392.33 จุด ลดลง 24.69 จุด หรือ -0.56%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,757.88 จุด ลดลง 40.23 จุด หรือ -0.41% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,060.10 จุด ลดลง 23.69 จุด หรือ -0.39%
ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก โดยสหพันธ์พลาธิการและการจัดซื้อของจีน (CFLP) และสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนในเดือนม.ค. ลดลงแตะ 49.4 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2012 จาก 49.7 ในเดือนธ.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนปรับตัวย่ำแย่ลง
สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของ ISM เดือนม.ค.อยู่ที่ระดับ 48.2 ซึ่งแม้ว่าขยับขึ้นจากเดือนธ.ค.ที่ระดับ 48 แต่ดัชนี PMI ที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตยังคงอยู่ในภาวะหดตัว อันเนื่องมาจากผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอ และการแข็งค่าของดอลลาร์
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามราคาน้ำมัน โดยหุ้นซีดริลล์ ร่วงลงหนักสุด ส่วนหุ้น Luxottica Group ซึ่งเป็นผู้ผลิตแว่นตา Ray-Ban ร่วงลง 5.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาด
นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจของยูโรโซน หลังจากนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) เตือนว่า ความเสี่ยงในช่วงขาลงที่เศรษฐกิจยุโรปกำลังเผชิญอยู่ ได้เพิ่มขึ้น อันเนื่องมาจากภาวะปั่นป่วนในตลาดเกิดใหม่ ประธาน ECB กล่าวว่า ความเสี่ยงในตลาดเกิดใหม่ได้เพิ่มขึ้นอีกครั้ง ท่ามกลางความไม่แน่นอน นับตั้งแต่วันที่ 3 ธ.ค. ซึ่งขณะนั้น ECB ตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ย และขยายช่วงเวลาในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)