เก็บหุ้น “ค้าปลีก-เช่าซื้อ” รับโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ พุ่งเป้า SME เงินสะพัด 1.1 แสนลบ.

โบรกแนะเก็บหุ้น “ค้าปลีก-เช่าซื้อ” รับประโยชน์ “โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ” พุ่งเป้า SME พ่วงชงฟื้น “ช้อปดีมีคืน” ลดหย่อนภาษีสูงสุด 50,000 บาท กระตุ้นกำลังซื้อโค้งท้ายปี 67 รับเม็ดเงินสะพัด 1.1 แสนล้านบาท


จากกรณีรัฐบาลได้เปิดตัว “โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ เพื่อต่อยอดจากโครงการแจก 10,000 บาท เมื่อปลายเดือนก.ย. ที่ผ่านมา เพื่อช่วยส่งเสริมให้โครงการเงินหมื่นฟื้นเศรษฐกิจเกิดประสิทธิภาพสูงสุดและคุ้มค่ากับภาษี และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของไทยอย่างต่อเนื่อง โดยรัฐบาลคาดว่า “โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ” สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากถึง 110,000 ล้านบาท

ขณะเดียวกันสมาคมผู้ค้าปลีกไทยรับลูกโครงการดังกล่าวและเตรียมชงมาตรการ “ช้อปดีมีคืน” พร้อมลดหย่อนภาษีสูงสุด 50,000 บาท เพื่อต่อยอดมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐ และช่วยสร้างบรรยากาศจับจ่ายในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีต่อเนื่องถึงปี 68

จากประเด็นดังกล่าว “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการสำรวจกลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์ประเด็นดังกล่าวโดยอาศัยข้อมูลอ้างอิงจากบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ซึ่งระบุในบทวิเคราะห์ว่า จากกรณีนายกฯ เปิดตัวโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ แบ่งเป็น 1.) ลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการรายเล็ก 2.) เพิ่มพื้นที่ค้าขายให้กับผู้ประกอบการรายเล็ก 3.) ลดค่าครองชีพให้ประชาชน เช่น การจัดมหกรรมลดราคาสินค้า โดยร่วมมือกับทุกกลุ่มผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง คาดเม็ดเงินสะพัด 1.1 แสนล้านบาท โดยมองเป็นจิตวิทยาบวกต่อกลุ่มอิงบริโภคภายในค้าปลีก เน้นบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL, บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC และกลุ่มเช่าซื้อ 

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 16 ต.ค.67 ที่ผ่านมา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานงานแถลงข่าวเปิดตัว “โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ” ต่อยอดจากการโอนเงินตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ 10,000 บาท เมื่อปลายเดือนก.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีมาก หลายคน ในครอบครัวยังสามารถนำไปลงทุนทำมาค้าขาย สร้างหรือต่อยอดธุรกิจพร้อมรับโอกาสดี ๆ ที่จะเข้ามา

โดยโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจในรอบนี้จะเน้นผู้ประกอบการรายเล็ก ซึ่งถือเป็น 90% ของผู้ประกอบการทั้งหมด ถือว่าเป็นส่วนใหญ่มาก และเป็นรากฐานของเศรษฐกิจไทย เพื่อลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และขยายโอกาส เป็นเวลา 5 เดือน ตั้งแต่เดือนก.ย. 67 ไปจนถึงเดือนม.ค. 68 โดยแบ่งเป็น 3 ส่วนสำคัญคือ

1.ลดต้นทุนให้ผู้ประกอบการรายเล็ก อาทิ ลดค่าเช่าร้านค้า/ค่าเช่าแผง ลดค่าขนส่งสินค้า

2.เพิ่มพื้นที่ค้าขายให้ผู้ประกอบการรายเล็ก โดยจัดตลาดนัดในพื้นที่ค่ายทหาร ลานหน้าศาลากลางจังหวัด

3.ลดค่าครองชีพให้ประชาชนด้วยการจับมือผู้ผลิตและผู้ค้าส่งรายใหญ่ จัดงานมหกรรมลดราคาสินค้าทั้งประเทศ

ทั้งนี้รัฐบาลคาดว่าโครงการนี้จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากถึง 110,000 ล้านบาท พร้อมขอบคุณทุกภาคส่วนที่เข้าร่วมโครงการ และยืนยันว่า รัฐบาลจะยังคงมุ่งมั่น ตั้งใจทำงาน กระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยให้แข็งแรง กลับมาเดินหน้าได้อย่างมั่นคง

ล่าสุดนายณัฐ วงศ์พานิช ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทยเตรียมนำเสนอนายกรัฐมนตรี ให้นำมาตรการช้อปดีมีคืนกลับมาใช้อีกครั้งในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นที่จะกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยได้เป็นอย่างมาก

โดยมาตรการดังกล่าวจะช่วยเพิ่มโอกาสในการจำหน่ายสินค้าให้กับผู้ประกอบการ และ SME ที่จดทะเบียน VAT แต่ยังไม่เริ่มใช้หรืออยู่ในขั้นตอนการขออนุมัติการออกใบกำกับภาษีในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ตามที่กรมสรรพากรกำหนด โดยเสนอให้มีการลดหย่อนภาษีสูงสุด 50,000 บาท ซึ่งเชื่อว่าจะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้มากกว่าแสนล้านบาท

ทั้งนี้สมาคมฯ ได้เดินหน้าเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายรัฐบาลโดยได้เข้าร่วมคิกออฟโครงการ “ฟื้นฟูเศรษฐกิจ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส” เพื่อลดภาระค่าครองชีพด้วยการลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นให้แก่ประชาชนทั่วประเทศ พร้อมร่วมจัดมหกรรมลดราคาสินค้าต่อเนื่องตลอด 5 เดือนเต็ม ตั้งแต่เดือน ก.ย.ที่ผ่านมาจนถึงเดือน ม.ค.68

โดยสมาชิกของสมาคมฯ ร่วมกันลดราคาสินค้าอย่างคับคั่งด้วยโปรโมชั่นหลากหลาย เช่น การลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นให้กับผู้ประสบอุทกภัย และแคมเปญการตลาดอื่นๆ อาทิ เช่น ไทวัสดุ, ท็อปส์ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล, ศูนย์การค้าเซ็นทรัล, ศูนย์การค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์, เดอะมอลล์, สยามพิวรรธน์, บิ๊กซี, โลตัส ฯลฯ โดยโครงการดังกล่าวเป็นการต่อยอดมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐ และช่วยสร้างบรรยากาศจับจ่ายในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีต่อเนื่องถึงปี 68  ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นเม็ดเงินหมุนเวียนได้มากกว่า 110,000 ล้านบาท

Back to top button