BTS บวก 5% รับยอดจองเพิ่มทุนทะลัก-ผู้โดยสาร “สายสีชมพู-สีเหลือง” ทยอยฟื้น

BTS บวก 5% รับกระแสยอดจองเพิ่มทุน 2.9 พันล้านหุ้นล้นหลาม ราคาหุ้นละ 4.50 บาท โบรกชี้กำไรผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดแล้ว มาจากผลขาดทุนจากสายสีชมพู-สีเหลืองที่ลดลงจากจํานวนผู้โดยสารที่ทยอยฟื้นตัว


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (28 ต.ค. 67) ราคาหุ้น บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ณ เวลา 10:57 น. อยู่ที่ระดับ 4.88 บาท บวก 0.22 บาท หรือ 4.72% สูงสุดที่ระดับ 5.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 4.62 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,414 ล้านบาท

สำหรับราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมา ตอบรับกระแสยอดจองเพิ่มทุนทะลัก ตามที่ BTS ประกาศเพิ่มทุนจำนวน 2,926,141,881 หุ้น โดยจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วน 4.50 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ 4.50 บาท ในระหว่างวันที่ 17- 24 ตุลาคม 2567

โดยจากข้อมูลภาพรวมข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 16 ส.ค. 2567 พบว่านาย คีรี กาญจนพาสน์ ถือหุ้นจำนวน 4,160,394,752 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 31.60% และนาย กวิน กาญจนพาสน์ ถือหุ้นจำนวน 783,002,495 หุ้น คิดเป็น 5.95%

ด้าน บล.ทิสโก้ ระบุว่า แนะนำ “ถือ” หุ้น BTS มูลค่าที่เหมาะสม 5.50 บาท โดยความคืบหน้าเกี่ยวกับหนี้ของ กทม. สภากรุงเทพมหานครได้อนุมัติการชำระหนี้ค่าเดินรถและบำรุงรักษา (O&M) พร้อมดอกเบี้ยจำนวน 1.46 หมื่นล้านบาท ให้แก่ BTS ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด โดยใช้เงินสะสมของ กทม. การชำระหนี้อาจเกิดขึ้นเร็วที่สุดในเดือนพฤศจิกายน หรืออย่างช้าที่สุดในวันที่ 22 มกราคม 2025 BTS จะใช้เงินส่วนใหญ่ในการชำระหนี้ของบริษัท คำพิพากษาของศาลในคดีนี้ควรเป็นบรรทัดฐานสำหรับหนี้ O&M อื่นๆ ของ กทม. ดังนั้น เราคาดว่า กทม. จะเจรจากับบริษัท ไม่ว่าจะเป็นการชำระหนี้ (ต้องขอเงินอุดหนุนจากรัฐบาล) หรือขยายระยะเวลาสัมปทานเพื่อแลกกับการชำระหนี้

ทั้งนี้มองว่ากำไรควรฟื้นตัว แต่ผลขาดทุนจากสายสีเหลืองและสีชมพูยังคงสร้างแรงกดดัน การปรับปรุงกำไรควรมาจาก 1) ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่ลดลงเนื่องจากใช้เงินจำนวน 23 พันล้านบาท ที่ได้รับจาก กทม. (สำหรับหนี้ E&M) เพื่อชำระหนี้ของตนเอง

2) แนวโน้มที่ดีของธุรกิจ MOVE (จากรายได้ O&M ที่สม่ำเสมอ และการแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจาก BTSGIF สอดคล้องกับจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น และแนวโน้มจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น) 3) ผลประกอบการที่ดีขึ้นของธุรกิจ MIX สอดคล้องกับรายได้โฆษณาที่เติบโต และไม่มีการขาดทุนจาก KEX 4) กำไรที่ดีขึ้นจากธุรกิจ MATCH จากผลประกอบการที่ดีขึ้นของ TNL และ RABBIT (จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว) อย่างไรก็ตาม กำไรอาจถูกลดทอนจากผลขาดทุนของสายสีเหลืองและสีชมพูประมาณ 400-500 ล้านบาทต่อไตรมาส

อย่างไรก็ดี BTS มีมุมมองเชิงบวกต่อนโยบายของรัฐบาลในการใช้อัตราค่าโดยสารแบบเหมาจ่าย 20 บาท หรือการซื้อคืนสัมปทาน เนื่องจากจะช่วยลดความเสี่ยงด้านจำนวนผู้โดยสาร โดยเฉพาะสำหรับสายสีเหลืองและสีชมพู และบริษัทจะได้รับเงินสดล่วงหน้าที่แสดงถึงมูลค่าในอนาคตของโครงการ พร้อมค่าธรรมเนียม O&M

บล.กรุงศรี ระบุว่า คาดว่าผลประกอบการของ BTS จะแตะจุดต่ำสุดในปี 68 ก่อนที่จะกลับมาเป็นจุดคุ้มทุนในปี 69 โดยปัจจัยหลักที่ทําให้ผลประกอบการฟื้นตัวในปี 69 มาจากผลขาดทุนจากสายสีชมพูและสายสีเหลืองที่ลดลงจากจํานวนผู้โดยสารที่ทยอยฟื้นตัวและรายได้จากบริษัทย่อยที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากธุรกิจ RABBIT

Back to top button