TATG บวก 4% ลุ้นปี 67 รายได้พุ่ง 3 พันล้าน กางแผนขยายกำลังผลิต 20-30%

TATG วิ่ง 4% พร้อมกางแผน 3 ปี (ปี 68-70) ตั้งเป้ารายได้เติบโตเฉลี่ยปีละ 10-20% รับแรงหนุนขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นประมาณ 20-30% และคาดลูกค้าผู้ผลิตยานยนต์สั่งผลิตโมเดลใหม่ ส่วนปีนี้คาดว่ารายได้พุ่ง 3 พันล้านบาท 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (1 พ.ย.67) ราคาหุ้น บริษัท ไทย ออโต ทูลส์ แอนด์ ดาย จำกัด (มหาชน) หรือ TATG ณ เวลา 10:35 น. อยู่ที่ระดับ 1.42 บาท บวก 0.06 บาท หรือ 4.41% สูงสุดที่ระดับ 1.45 บาท ต่ำสดที่ระดับ 1.36 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 15.20 ล้านบาท

ดร.พยุง ศักดาสาวิตร ประธานกรรมการบริหาร TATG เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในช่วง 3 ปีนับจากนี้ (ปี 68-70) บริษัทตั้งเป้าหมายมีรายได้เติบโตเฉลี่ยปีละ 10-20% ซึ่งเป็นไปตามการขยายกำลังการผลิต และปรับปรุงประสิทธิภาพกำลังการผลิต คาดว่าจะทำให้มีกำลังการผลิตใหม่จะทยอยเพิ่มขึ้นประมาณ 20-30%

ขณะที่บริษัทคาดว่าจะมีคำสั่งผลิตโมเดลใหม่จากลูกค้าผู้ผลิตยานยนต์แบรนด์ชั้นนำเข้ามามากขึ้น สอดคล้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยที่เริ่มฟื้นตัว และเริ่มเข้าสู่วัฏจักรการเติบโตรอบใหม่จากการเปลี่ยนผ่านยุคยานยนต์สันดาป-ไฮบริด ไปสู่ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่ง TATG มีศักยภาพมากพอที่จะขับเคลื่อนธุรกิจไปได้ทั้ง 3 รูปแบบดังกล่าว

สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนเสนอขายหุ้นไอพีโอในครั้งนี้ บริษัทจะนำไปใช้หนี้สถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนในการขยายธุรกิจ เพื่อเพิ่มศักยภาพธุรกิจให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น และเป็นการยกระดับองค์กรสู่มาตรฐานสากล รองรับการเปลี่ยนผ่านสู่การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบเต็มขั้นด้วย

โดย TATG จะลงทุนเครื่องจักรและเครื่องมือในการผลิตเพิ่มเติมในกลุ่มบริษัท 4 แห่ง คือ 1.บริษัท ไทย ออโต ทูลส์ แอนด์ ดาย จำกัด (มหาชน) หรือ TATG ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์แบบการปั๊มขึ้นรูปโลหะ 2. บริษัท ไทย ออโต ทูลส์ (ปทุมธานี) จำกัด (TATP) ผู้ออกแบบและผลิตแม่พิมพ์โลหะ อุปกรณ์จับยึดเพื่อการตรวจสอบ และอุปกรณ์จับยึดเพื่อการประกอบ 3.บริษัท ไทย ออโต ทูลส์ (ชลบุรี) จำกัด (TATC) ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์แบบการปั๊มขึ้นรูปโลหะ (รวมบริการชุบ EDP) และ 4.บริษัท ไทย ออโต ทูลส์ (อีสเทิร์น) จำกัด (TATE) ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์แบบการปั๊มขึ้นรูปโลหะ ซึ่งจะทำให้กลุ่ม TATG สามารถแข่งขันกับบริษัทในประเทศที่ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์สัญชาติญี่ปุ่น และจีนได้

ส่วนทิศทางผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของปี 67 บริษัทประเมินว่าจะทรงตัว จากช่วง 6 เดือนแรกของปี 67 ที่พลิกมีกำไรสุทธิ 45.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.84 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 1,644.44% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีขาดทุนสุทธิ 2.97 ล้านบาท เนื่องจากการปรับตัวดีขึ้นจากกำไรจากการขายและกำไรจากการบริการ บวกกับการลดลงค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร

ส่วนรายได้จากการขาย 6 เดือนแรกของปี 67 อยู่ที่ 1,202.61 ล้านบาท ลดลง 217.44 ล้านบาท หรือลดลง 15.31% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้จากการขาย 1,420.05 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามการลดลงของปริมาณการสั่งซื้อสินค้าของลูกค้า และมีรายได้จากการขายเศษวัตถุดิบที่เหลือจากการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ลดลงตามปริมาณการผลิตเช่นกัน

ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 67 น่าจะมีรายได้จากการขายประมาณ 3,000 ล้านบาท จากปี 66 ที่มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 2,808.09 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย และผลการดำเนินงานของ  TATG  ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 67 ที่ทำได้ดีกว่าอุตสาหกรรมด้วย

Back to top button