IROYAL เด้ง 5% ย้ำรายใหญ่ไร้แผนขายหุ้น เดินหน้าประมูลงานรัฐ-เอกชน 1.2 พันล้าน
IROYAL ดีด 5% หลังยันกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่มีแผนขายหุ้นแม้ผ่านระยะเวลาห้ามขายหุ้นแล้วก็ตาม ย้ำไม่มีหนี้สินกับสถาบันการเงิน ลุยขยายการรับงานในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่มีศักยภาพ โรงกลั่นน้ำมัน โรงงานปิโตรเคมี โรงงานปูนซีเมนต์ เตรียมยื่นประมูลงานรัฐ-เอกชน มูลค่ากว่า 1,200 ล้านบาท มั่นใจปี 68 รายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 50%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (8 พ.ย.67) ราคาหุ้น บริษัท อินเตอร์รอแยล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ IROYAL ณ เวลา 16:29 น. อยู่ที่ระดับ 5.55 บาท บวก 0.25 บาท หรือ 4.72% สูงสุดที่ระดับ 5.60 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 5.35 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 41.31 ล้านบาท
นายภณภัทร เมฆาสุวรรณดำรง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร IROYAL เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจ บริษัทพร้อมขับเคลื่อนการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน หลังทำผลการดำเนินงานในงวดครึ่งแรกปี 67 ทำรายได้รวมกว่า 118.19 ล้านบาท
ทั้งนี้ ภายหลังได้เงินจากการระดมทุน IROYAL พร้อมเดินหน้าเข้าประมูลงาน โดยเริ่มขยายฐานลูกค้าไปยังอุตสาหกรรมอื่น ๆ มากขึ้น เพื่อเพิ่มฐานลูกค้าให้มีความหลากหลายและมีโอกาสเติบโตในอนาคต เช่น โรงกลั่นน้ำมันหรือโรงงานปิโตรเคมี ที่มีระบบการเผาไหม้ (Combustion System) โรงงานปูนซีเมนต์ ที่มีระบบจัดการของเสียและไอเสีย (Flue Gas Management System) รวมถึงได้เริ่มขยายฐานลูกค้าด้วยการสรรหาผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่น ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในระบบสำรองไฟฟ้าและพลังงาน (Uninterruptible Power Supply System) โดยเน้นกลุ่มโรงแรม อาคารขนาดใหญ่ หรืออาคารโรงพยาบาล ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีความจำเป็นต้องใช้ระบบสำรองไฟฟ้าและพลังงาน
โดยบริษัทเตรียมเข้าประมูลงานภาครัฐและเอกชน มูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 1,200 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการจัดหาอุปกรณ์และเครื่องจักรสำหรับโรงไฟฟ้า, โครงการระบบ Tunnel Ventilation (ระบบระบายอากาศ) ในอุโมงค์รถไฟฟ้าใต้ดิน สายสีม่วงใต้, โครงการ Oil and Gas Service, โครงการ Solar System ทำสัญญาแบบ PPA และ โครงการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานในปีนี้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
ขณะเดียวกัน บริษัทได้ตั้งเป้าหมายรายได้ปี 2568 เติบโตไม่ต่ำกว่า 50% เมื่อเทียบกับ 2567 สอดรับไปกับแผนการเติบโตในระยะสั้น 1-3 ปี ของ IROYAL ที่ได้ขยายงานเข้าไปในอุตสาหกรรมอื่น ๆ เช่น โรงงานปูนซีเมนต์, Oil & Gas, โรงงานปิโตรเคมี, โรงกลั่นน้ำมัน และเทคโนโลยีสารสนเทศ ขณะที่ในระยะกลาง บริษัทให้ความสำคัญกับพลังงานสะอาด โครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงแผนร่วมทุน (M&A และ M&P) เป็นต้น เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นได้ในอนาคต
“เรามุ่งมั่นขยายงาน และเตรียมความพร้อมในทุก ๆ ด้าน และภายหลังการเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เราอยากให้นักลงทุนทุกท่าน มั่นใจได้เลยว่ากลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่มีแผนขายหุ้นแม้ผ่านระยะเวลาห้ามขายหุ้นแล้วก็ตาม นอกจากนี้ ปัจจุบันบริษัทไม่มีหนี้สินกับสถาบันการเงิน ซึ่งเงินที่ได้จากการระดมทุน จะใช้ขยายการรับงานในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่มีศักยภาพ ไม่ว่าจะเป็นโรงกลั่นน้ำมัน โรงงานปิโตรเคมี โรงงานปูนซีเมนต์ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนความสามารถในการเพิ่มรายได้และผลกำไรให้สูงขึ้น เพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นได้ในอนาคต” นายภณภัทร กล่าว