SAPPE เด้ง 7% รับกำไร 9 เดือนแรกทะลุพันล้าน โต 17% โบรกแนะ “ซื้อ” เป้า 92 บาท

SAPPE เด้ง 7% หลังกำไรงวด 9 เดือนแรกทะลุ 1 พันล้านบาท โต 17% ด้านโบรกคงคำแนะนำ “ซื้อ” และคงราคาเป้าหมายที่ 92 บาท ประมาณการกำไรสุทธิปี 67 ที่ 1.3 พันล้านบาท โต 20%


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (14 พ.ย.67) ราคาหุ้น บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE ณ เวลา 10:56 น. อยู่ที่ระดับ 73.00 บาท บวก 5.00 บาท หรือ 7.35% สูงสุดที่ระดับ 73.25 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 70.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 126.70 ล้านบาท

สำหรับราคาหุ้นดีดกลับขึ้นมา ตอบรับข่าว นางสาวปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SAPPE เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 (มกราคม-กันยายน) บริษัทฯ สามารถทำกำไรสุทธิได้ 1,063 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 906.2 ล้านบาท และมีรายได้จากการขายรวม 5,398.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.4%  เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้ 4,843.9 ล้านบาท โดยในไตรมาส 3/2567 (กรกฎาคม-กันยายน) บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 1,566 ล้านบาท และทำกำไรสุทธิ 300 ล้านบาท ตามการเติบโตของตลาดทั้งในและต่างประเทศ

ทั้งนี้ เซ็ปเป้มีรายได้จากการขายในต่างประเทศงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 ทำได้ 4,376 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้สัดส่วนยอดขายจากต่างประเทศคิดเป็น 81% ของรายได้จากการขายรวม โดยตลาดที่มีอัตราการเติบโตโดดเด่นในช่วงที่ผ่านมา ได้แก่ ประเทศฟิลิปปินส์ที่มีกระแสตอบรับของกลุ่มผู้บริโภคที่เป็นแฟนคลับศิลปิน SEVENTEEN แบรนด์แอมบาสเดอร์ระดับโลกของแบรนด์ Mogu Mogu ส่งผลต่อยอดขายให้เพิ่มสูงขึ้น ด้านยุโรปและฝรั่งเศส ก็สามารถขยายช่องทางการจัดจำหน่ายได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ทวีปอเมริกาก็เริ่มขยายเข้าสู่ช่องทาง Mainstream ที่เน้นเจาะกลุ่มผู้บริโภคท้องถิ่นได้เพิ่มมากขึ้น

ส่วนตลาดในประเทศ เซ็ปเป้มีรายได้จากการขายงวด 9  เดือนแรกของปี 2567 อยู่ที่ 1,023 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งการเติบโตหลักๆ มาจากผลิตภัณฑ์คอลลาเจนชนิดผง เซ็ปเป้ บิวติ พาวเดอร์ สติกซ์ (Sappe Beauti Powder Stix) ที่สามารถทำยอดขายได้ดีในช่องทาง Traditional Trade และ E-Commerce ด้วยจุดแข็งด้านราคาที่เข้าถึงง่าย และยังไม่มีคู่แข่งในตลาดนี้โดยตรง จึงเตรียมออกสูตรใหม่เพิ่มในช่วงปลายปีนี้ ขณะที่มะพร้าวน้ำหอมแบรนด์ All Coco มีการเติบโตและมีดีมานด์สูงจากกลุ่มผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ

สำหรับแนวโน้มไตรมาส 4/2567 คาดว่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้จะอยู่ในช่วง Low Season ของธุรกิจ บริษัทฯได้เดินหน้าขยายฐานลูกค้าผ่านหลายช่องทาง ทั้งห้างค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) รวมถึงจัดกิจกรรมการขายและการตลาดต่อเนื่องในทวีปต่างๆ โดยยังมีแผนปล่อยแคมเปญพิเศษของ Mogu Mogu ที่ทำกับ SEVENTEEN เพิ่มเติม เพื่อเพิ่มโมเมนตั้มและกระแส Brand Love ให้กับแบรนด์ในตลาดต่างประเทศ

นอกจากนี้ ยอดขายในตลาดต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ทำให้บริษัทฯ ได้เดินหน้าขยายกำลังการผลิต โดยในเดือนเมษายน 2567 ได้ติดตั้งไลน์การผลิตไลน์บรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มใหม่และเริ่มเดินหน้าผลิตสินค้าเพื่อส่งมอบให้กับผู้บริโภคเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และในส่วนของโรงงานใหม่เพื่อขยายกำลังการผลิตรองรับการเติบโตของยอดขายปี 2568 ปัจจุบัน อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งยังเป็นไปตามแผนการ Commercialization ในช่วงไตรมาส 2/2568 ขณะเดียวกัน บริษัทฯได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี (BOI) ของโรงงานแห่งใหม่และการเพิ่มเติมไลน์การผลิตจำนวน 3  ไลน์ เริ่มตั้งแต่ปี 2567 2568 2569 ตามลำดับ เพื่อส่งเสริมการลงทุนของผู้ประกอบการไทย และช่วยลดอัตราภาษีเงิน ซึ่งจะได้รับการยกเว้นภาษี 5 ปี ตามลำดับ

บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (14 พ.ย.67) ว่าทางฝ่ายวิจัยคงคำแนะนำ “ซื้อ” SAPPE และคงราคาเป้าหมายที่ 92.00 บาท โดยคงประมาณการกำไรสุทธิปี 67 ที่ 1,291 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน หนุนโดยรายได้รวมขยายตัว 15% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนจากรายได้ที่ขยายตัวในทุกภูมิภาค และกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น และ GPM ขยายตัวเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน สำหรับปี 68 ประเมินกำไรสุทธิที่ 1,580 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน

Back to top button