แรงขายทำกำไรฉุดน้ำมันดิบปิดลบ

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (4 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นแข็งแกร่งในช่วงก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด รวมทั้งความไม่แน่นอนที่ว่าประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่จะปรับลดกำลังการผลิตหรือไม่


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 56 เซนต์ หรือ 1.7% ปิด (4 ก.พ.) ที่ 31.72 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 58 เซนต์ หรือ 1.7% ปิดที่ 34.46 ดอลลาร์/บาร์เรล

นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 8% เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ภายหลังจากที่ รัสเซียส่งสัญญาณพร้อมเปิดช่องทางในการเจรจากับกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) เพื่อร่วมมือกันกระตุ้นราคาน้ำมัน

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลที่เกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) ที่ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 29 ม.ค. เพิ่มขึ้น 7.8 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 502.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 5.9 ล้านบาร์เรล ขณะที่กระทรวงพลังงานรัสเซียรายงานว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันของรัสเซียในเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 1.5% สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 10.88 ล้านบาร์เรล/วัน

ขณะที่นักลงทุนจับตาดูความเคลื่อนไหวของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อย่างใกล้ชิด โดยสำนักข่าวชานาของอิหร่านรายงานโดยอ้างคำพูดของนายเดล ปิโนว่า กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันจำนวน 6 ประเทศ เช่น อิรัก, อิหร่าน, โอมาน และรัสเซีย ต่างสนับสนุนให้มีการจัดประชุมของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันเพื่อหารือภาวะราคาที่กำลังตกต่ำในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันจากอ่าวอาหรับ ซึ่งรวมถึง ซาอุดิอาระเบีย ยังไม่ได้ออกมาประกาศสนับสนุนการจัดประชุมดังกล่าวอย่างเปิดเผย

Back to top button