OR-PTT ดีดกลับ! หลังแจงข่าวปลอม ถูก DSI สอบธุรกิจ “ไบโอดีเซล”
OR-PTT ราคาเด้งกลับ! หลังออกมาประกาศชัดปมถูก DSI สอบธุรกิจ “ไบโอดีเซล” เป็นข่าวปลอม พบคนอยู่เบื้องหลังเอี่ยวคดีดังนำเข้าปาล์มอินโดฯทิพย์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (29 พ.ย.67) ราคาหุ้น บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ณ เวลา 10:13 น. อยู่ที่ระดับ 14.20 บาท บวก 0.60 บาท หรือ 4.41% สูงสุดที่ระดับ 14.30 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 13.80 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 123.22 ล้านบาท
ขณะที่ราคาหุ้น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT อยู่ที่ระดับ 32.50 บาท บวก 0.25 บาท หรือ 0.78% สุงสุดที่ระดับ 32.75 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 32.25 บาท ด้วยมุลค่าการซื้อขาย 135.68 ล้านบาท
โดยราคาหุ้น OR ฟื้นตัวขึ้นหลังจากวานนี้ปรับตัวลดลงแรง หลังมีกระแสข่าวว่า ทางผู้บริหาร PTT และ OR ถูก DSI สอบธุรกรรมซื้อขาย “ไบโอดีเซล” ผิดปกติ
ขณะที่ล่าสุด จากการตรวจสอบข้อมูลของทีมข่าว “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้รับการยืนยันจาก พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ โฆษกดีเอสไอ เอกสารที่มีการแชร์กันนั้น ทางดีเอสไอได้ตรวจสอบภาพดังกล่าว พบว่า ภาพที่ปรากฏไม่ใช่ภาพประชาสัมพันธ์ของดีเอสไอ เพราะหากมีการตรวจสอบและออกข่าวจริง จะต้องเป็นภาพที่เป็นทางการจากดีเอสไอ และการตรวจสอบ บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นเรื่องละเอียดอ่อน การจะดำเนินการจะต้องรอบคอบ มีข้อมูลเชิงลึกประกอบการนำเสนอข้อมูลต่อสาธารณะ
พ.ต.ต.วรณัน ยังย้ำว่า ดีเอสไอ พร้อมให้ความร่วมมือกับ ตลาดหลักทรัพย์แห่ประเทศไทย (ตลท.) อย่างเต็มที่ หลังมีข่าวว่า ตลท. ได้สอบถามมายังดีเอสไอ รวมถึง PTT และ PTTOR เกี่ยวกับข้อเท็จจริงในเอกสารดังกล่าว
ขณะที่ PTT ได้ออกหนังสือชี้แจงข่าวที่ปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์ ว่าข่าวดังกล่าว เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง โดยมีที่มาจากกลุ่มบุคคลผู้ถือหุ้นในบริษัทในเครือของ ปตท. เพียง 100 หุ้น ซึ่งได้ยื่นฟ้องคดีผู้บริหาร ปตท. ต่อศาลโดยใช้ข้อกล่าวหาที่ปราศจากมูลความจริง หนังสือของ DSI ที่ถูกเผยแพร่เป็นเพียงเอกสารที่กลุ่มบุคคลดังกล่าวนำมาอ้างเป็นพยานหลักฐานในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ปัจจุบันศาลยังไม่ได้รับคำฟ้องดังกล่าว และ DSI ยังไม่ได้มีการสรุปสำนวนแต่อย่างใด
ปตท. เชื่อว่าเป็นการกระทำของกลุ่มบุคคลที่มีเจตนาไม่สุจริต พยายามบิดเบือนข้อเท็จจริง และโจมตีผู้บริหาร ปตท. มาโดยตลอด โดยได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ ปตท. ตั้งแต่ปี 2566 ซึ่งคณะกรรมการตรวจสอบของ ปตท. และบริษัทในเครือที่เกี่ยวข้องได้ตรวจสอบแล้ว พบว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวปราศจากมูลความจริง
การเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ มีลักษณะเป็นการบ่อนทำลายชื่อเสียงของ ปตท. โดยใช้กลยุทธ์ที่ไม่โปร่งใส เช่น การใช้บัญชีสื่อสังคมออนไลน์ที่ไม่สามารถระบุตัวตนผู้ใช้ได้อย่างชัดเจน และการใช้ลิงก์จากต่างประเทศเพื่อให้ดาวน์โหลดหนังสือของ DSI เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตรวจสอบ โดย ปตท. อยู่ระหว่างการดำเนินการตามกฎหมายเพื่อปกป้องชื่อเสียง และขอให้นักลงทุนใช้วิจารณญาณในการพิจารณาข้อมูลข่าวสาร
อย่างไรก็มีข้อมูลอ้างอิงแหล่งข่าวในแวดวง “พลังงาน” เปิดเผยกับ ทีมข่าว “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ว่า กลุ่มบุคคลที่สร้างเรื่องร้องเรียน และยื่นฟ้องผู้บริหาร ปตท. ต่อศาล เป็นกลุ่มบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในการขายน้ำมันปาล์มจากอินโดนิเซียทิพย์ให้ GCC โดยไม่มีของส่งมอบ มูลค่าความเสียหายกว่า 2,000 ล้านบาท โดยบางคดียังคงอยู่ในกระบวนการสอบสวนของหน่วยงานที่มีอำนาจ แต่ดูเหมือนการดำเนินคดีไปอย่างล่าช้า ขณะที่บางคดี ศาลได้มีคำพิพากษาแล้วว่า อดีตผู้บริหารของ GGC และผู้ค้า “ร่วมกันกระทำความผิด” ในกรณีดังกล่าว
นอกจากนี้ แหล่งข่าวคนดังกล่าว ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันกลุ่มบุคคลดังกล่าว ยังมีอิทธิพลในการขายน้ำมัน B100 ให้กับ PTTOR ในราคาแพง และเมื่อมีการปรับเปลี่ยนผู้บริหารของ ปตท.ในชุดปัจจุบัน ซึ่งกำลังเข้ามาจัดระเบียบใหม่ กับซื้อ B100 ในราคาที่ถูกลง ทำให้บุคคลกลุ่มนี้เกิดความไม่พอใจ และตอบโต้ด้วยการฟ้องร้องผู้บริหาร ปตท. มอบหมายให้ทีมกฎหมายไล่ซื้อหุ้นในเครือ ปตท. เพียง 100 หุ้น เพื่อเอาสิทธิ์ผู้เสียหายในฐานะผู้ถือหุ้นฟ้องร้อง และมีการเสนอว่าจ้างสื่อให้นำเสนอข่าวฟ้องร้อง ซึ่งมีการวิเคราะห์ว่างานนี้ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ไม่ว่าจะเป็นการทำให้ราคาหุ้น PTT และ OR ปรับตัวลงมา หรือที่เรียกดันในภาษาวงการหุ้นว่า ทุบหุ้นเพื่อทำกำไร และอีกสิ่งนั้นคือ ต้องการนำมาต่อรองคดีน้ำมันปาล์มล่องหน 2000 ล้านบาทที่ยังอยู่ระหว่างการดำเนินคดี นำไปสู่การตั้งข้อสังเดตว่า คดีน้ำมันปาล์ม 2000 ล้านบาทที่อยู่ในมือดีเอสไอ ซึ่งสำนวนแล้วเสร็จในชั้นตำรวจ ทำไมถึงไม่คืบหน้า แต่กลับให้ความสำคัญในประเด็นที่กำลังปั้นเรื่องอยู๋ในขณะนี้
โดยเรื่องการปล่อยข่าวเท็จดังกล่าว ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ ศปอส.ตร. กำลังดำเนินการสืบสวน และรวบรวมข้อมูล เบื้องต้นพบว่ามีการใช้ Account อวตารนำข้อมูลที่มีเนื้อหาโจมตีผู้บริหาร ปตท.ไปปล่อยในสื่อสังคมออนไลน์ ที่มีรูปแบบวิธีการในลักษณะปฏิบัติการข่าวสาร (IO) เพื่อหวังผลอย่างชัดเจน