PTT ศึกษาแผนส่งออก LPG สู่อาเซียน รองรับคลังส่วนขยายแล้วเสร็จเม.ย.นี้

PTT เผยอยู่ระหว่างศึกษาแผนส่งออก LPG สู่ตลาดอาเซียน เพื่อรองรับคลังขยายการนำเข้า LPG เป็น 2.5 แสนตัน/เดือน ที่คาดแล้วเสร็จเม.ย.นี้


นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า บริษัทศึกษาแผนการนำเข้าเพื่อส่งออกก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ไปสู่ตลาดอาเซียนในอนาคต รองรับกับการขยายคลังนำเข้า LPG เป็น 2.5 แสนตัน/เดือนที่จะแล้วเสร็จในเดือนเม.ย.นี้ เพื่อให้เกิดการใช้คลัง LPG ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น หลังแนวโน้มการใช้ LPG ในประเทศหดตัวลงจากการที่รัฐบาลปรับโครงสร้างราคา LPG ให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง จนทำให้การนำเข้า LPG ลดลงเหลือราว 7 หมื่นตัน/เดือน จากเดิมที่เคยนำเข้าสูงถึงราว 1.5 แสนตัน/เดือน

“พอคลังแล้วเสร็จก็จะมีกำลังนำเข้า LPG ได้ 2.5 แสนตันต่อเดือน ก็เผื่อไว้ก็ดีข้างหน้าความต้องการก็อาจจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆตามความต้องการของประเทศ กำลังนำเข้าที่เหลือก็อาจไปดูว่าจะปรับปรุงหรือปรับเปลี่ยนบางส่วนให้มีการนำเข้า-ส่งออกได้ เพื่อที่จะใช้กำลังความสามารถของท่าเรือให้คุ้มค่ามากที่สุด เราก็กำลังดูอยู่ว่าเดิมช่วงที่ยังไม่ได้เปิดเสรี รัฐบาลควบคุมไม่ให้มีการส่งออก ถ้านโยบายรัฐบาลเปิดเสรีแล้วทั้งเรื่องการนำเข้าและส่งออก หมายถึงวันข้างหน้าตัวท่าเรือถ้ามีปรับปรุงก็จะทำได้ทั้งนำเข้าและส่งออก วันข้างหน้าก็จะดำเนินการทั้งนำเข้าและส่งออกได้  การนำเข้ามาแล้วเก็บไว้แล้วสามารถกระจายไปประเทศอื่นๆที่มีความต้องการก็ทำได้”นายอรรถพล กล่าว

ทั้งนี้ การขยายคลังนำเข้า LPG ที่เขาบ่อยา จ.ชลบุรี เพิ่มเป็น 2.5 แสนตัน/เดือน จาก 1.3 แสนตัน/เดือนนั้น ปตท.ได้ใช้เงินลงทุนราว 1.66 หมื่นล้านบาทเพื่อรองรับการนำเข้า LPG ที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงนั้น จากการที่ราคาน้ำมันอยู่ในระดับสูงและรัฐบาลตรึงราคา LPG ทำให้ความต้องการใช้ LPG เพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่เมื่อการขยายคลังนำเข้าจะแล้วเสร็จ ความต้องการใช้ LPG กลับลดลง โดยข้อมูลของกระทรวงพลังงานพบว่าความต้องการใช้ LPG ในปี 58 ลดลง 5.4% ขณะที่เฉพาะเดือนธ.ค.58 ความต้องการใช้ LPG ลดลง 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

สำหรับการใช้ LPG ในส่วนของภาคครัวเรือนยังคงเติบโตได้ตามปกติในอัตรา 3-4% ต่อปี แต่ในส่วนของกลุ่มขนส่งหดตัวลงอย่างมาก โดยในปีที่ผ่านมาลดลงราว 10% และน่าจะยังคงหดตัวต่อเนื่อง ซึ่งการศึกษาเพื่อนำเข้า-ส่งออก LPG ของปตท.จะช่วยทำให้สามารถใช้สาธารณูปโภคทั้งท่าเรือ และคลัง LPG ได้อย่างคุ้มค่ามากขึ้น โดยปตท.ให้ความสนใจที่จะทำตลาดส่งออกในแถบอาเซียนเป็นหลัก ทั้งในกัมพูชา และลาว แต่ในส่วนการส่งออกไปลาวอาจจะต้องใช้การขนส่งทางรถยนต์เป็นหลัก

ทั้งนี้ เบื้องต้นเห็นว่าการทำตลาด LPG ในต่างประเทศจะสามารถดำเนินการได้แล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ไม่สามารถทำตลาดได้เพราะราคาในประเทศต่ำมากจากการควบคุมราคาขายปลีก ทำให้เกิดการลักลอบส่งออกไปขายชายแดนจำนวนมาก แต่หลังจากที่รัฐบาลปรับราคา LPG ให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงทำให้เป็นโอกาสที่จะสามารถทำตลาดได้ ซึ่งปตท.จะต้องเข้าไปศึกษาทั้งตลาด และการลงทุนในส่วนของโรงบรรจุก๊าซฯด้วยซึ่งหากได้เห็นอาจจะเป็นในช่วงปลายปีนี้

สำหรับตลาด LPG ในประเทศภายหลังจากที่รัฐบาลมีนโยบายที่จะให้ธุรกิจ LPG การแข่งขันที่เสรีมากขึ้น เพื่อนำไปสู่ต้นทุนจริงที่ชัดเจนมากกว่าปัจจุบัน โดยตามโรดแมพดังกล่าวจะเริ่มเปิดทางให้ผู้ค้ารายอื่นสามารถนำเข้านอกเหนือจากปตท. เพื่อให้มีการแข่งขันเสรีมากขึ้น และนำไปสู่การพิจารณาประมูลสิทธิ (Bidding) ในการนำเข้า ก่อนจะเป็นการค้าเสรีเต็มรูปแบบ ซึ่งเป็นการนำเข้าในราคาที่แข่งขันได้นั้น ปตท.ก็พร้อมที่จะแข่งขันกับรายอื่น โดยจะเน้นการดูแลการให้บริการที่ดี ความปลอดภัยเพื่อให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจในการใช้บริการของปตท

โดยปัจจุบันการใช้ LPG ที่ไม่นับรวมภาคปิโตรเคมี มีการใช้อยู่ในระดับ 3 แสนตัน/เดือน ซึ่งปตท.มีส่วนแบ่งตลาดราว 38% โดยมีโรงบรรจุก๊าซฯ 172 แห่ง และสถานีบริการ LPG อีก 275 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งหลังจากนี้การปรับเพิ่มสถานีบริการ LPG ก็คงจะไม่มากเพราะมองว่าตลาด LPG ภาคขนส่งจะไม่เติบโต ขณะเดียวกันก็อาจจะปรับลดสถานีบริการ LPG ในบางแห่งที่ไม่สามารถแข่งขันได้ด้วย

Back to top button