ดาวโจนส์ปิดร่วง 177 จุด จากแรงขายหุ้นแบงก์-วิตกน้ำมันดิ่ง
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (8 ก.พ.) โดยตลาดดิ่งลงติดต่อกัน 2 วันทำการเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้หรือไม่ ยังได้กดดันให้นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มธนาคาร
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดวันทำการล่าสุด (8 ก.พ.) ที่ 16,027.05 จุด ร่วงลง 177.92 จุด หรือ -1.10%, ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,283.75 จุด ลดลง 79.39 จุด หรือ -1.82% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,853.44 จุด ลดลง 26.61 จุด หรือ -1.42%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่า ราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงอย่างต่อเนื่องอาจจะส่งผลกระทบต่อกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันและบริษัทพลังงาน โดยปัจจัยล่าสุดที่ถ่วงราคาน้ำมันร่วงลงนั้น มาจากข่าวที่ว่า การประชุมระหว่างรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานซาอุดิอาระเบียและเวเนซูเอล่า ไม่มีการประกาศแผนการลดปริมาณการผลิตน้ำมันตามที่เวเนซุเอล่าได้เรียกร้อง
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง เนื่องจากความไม่แน่นอนที่ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้หรือไม่ โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ร่วงลง 4.6% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ดิ่งลง 6.9% ซึ่งหุ้นทั้งสองตัวปิดที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2556 ขณะที่หุ้นซิตี้กรุ๊ป และหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ต่างก็ร่วงลงกว่า 5.1% ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานเคลื่อนตัวผันผวน โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ปรับขึ้น 1.4% หุ้นวิลเลียมส์ คอส ดิ่งลง 35% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ร่วงลง 33% และหุ้นมาราธอน ออยล์ ปรับตัวลงกว่า 7.5%
นักลงทุนจับตาดูนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดซึ่งจะแถลงต่อคณะกรรมาธิการด้านบริการทางการเงินแห่งสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในวันพุธนี้ และจะแถลงต่อคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารแห่งวุฒิสภาในวันพฤหัสบดี โดยนักวิเคราะห์และนักลงทุนต่างจับตาดูว่า นางเยลเลนจะส่งสัญญาณเลื่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้าออกไปหรือไม่ หลังจากที่เฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปแล้ว 0.25% ในการประชุมเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว
นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งคาดว่า นางเยลเลนอาจจะไม่ส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. แต่อาจจะแสดงความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจในต่างประเทศ พร้อมประกาศจับตาสถานการณ์เศรษฐกิจทั่วโลกอย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูรายงานข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงสต็อกสินค้าและยอดค้าส่งเดือนธ.ค., ดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐเดือนม.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนม.ค., ราคาส่งออกและนำเข้าเดือนม.ค., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนก.พ.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนธ.ค.