PTG บวก 2% โบรกแนะ “ซื้อ” เป้า 12.70 บ. ลุ้นกำไร Q4 สดใส รับยอดขายน้ำมันพุ่ง
PTG บวก 2% เซียนหุ้น 3 แห่งพร้อมใจแนะซื้อหุ้น PTG เคาะกรอบราคาเป้าหมาย 11-12.70 บาท ลุ้นกำไรไตรมาส 4/67 เติบโตแกร่ง รับแรงหนุนจากปริมาณยอดขายน้ำมันที่เพิ่มขึ้นและธุรกิจนอนออยล์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (16 ธ.ค.67) ราคาหุ้น บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ณ เวลา 11:54 น. อยู่ที่ระดับ 8.45 บาท บวก 0.15 บาท หรือ 1.81% สูงสุดที่ระดับ 8.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 8.20 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 21.40 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เผยแพร่บทวิเคราะห์ โดยประเมินแนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 4/2567 ของหุ้น PTG จะฟื้นตัวจากไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว รวมไปถึงผ่านช่วงฤดูฝนตั้งแต่ปลายเดือน ต.ค.เป็นต้นไป ถือเป็นปัจจัยหนุนยอดขายน้ำมันให้กลับมาฟื้นตัว ซึ่งฝ่ายวิจัยคาดว่าจะได้เห็นยอดขายไตรมาส 4/2567 เติบโต 8-10% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อนหน้า
นอกจากนี้ Traffic ในการเข้าสถานีบริการที่เพิ่มขึ้นจะเป็นปัจจัยหนุนรายได้จากธุรกิจนอนออยล์เติบโตเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อนหน้าด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ ทางฝ่ายวิจัยเชื่อว่าสมมติฐานค่าการตลาดที่ 1.70 บาทต่อลิตร ยังมีความเป็นไปได้และอยู่ในกรอบเป้าหมายของบริษัทฯ ที่ 1.70-1.80 บาทต่อลิตรในปี 2567
ดังนั้นฝ่ายวิจัยจึงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 12.70 บาท อ้างอิง P/E เฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังที่ระดับ -1.0 S.D.ที่ 17.8 เท่า ระยะสั้นมีปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของผลประกอบการไตรมาส 4/2567 ทำให้ PTG กลับมามีความน่าสนใจในการลงทุน อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์การลงทุนแนะนำทยอยซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวหลังจากที่ราคาหุ้นปรับเพิ่มกว่า 23% ในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า ตามที่ผู้บริหารบริษัทฯ Guidance ไตรมาส 4/2567 ปริมาณขายน้ำมันเติบโตเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อนหน้าจากอุปสงค์ฟื้นตัวตามฤดูกาล และน้ำท่วมคลี่คลาย คงเป้าหมายทั้งปีเติบโต 10-15% เมื่อเทียบเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันในไตรมาส 4/2567 คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นธุรกิจน้ำมันต่อลิตรสูงขึ้นเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อนหน้าจาก 1.65 บาทต่อลิตรในไตรมาส 3/2567 และคาดการณ์ทั้งปีเฉลี่ย 1.70-1.80 บาทต่อลิตร ซึ่งฝ่ายวิจัยคาดว่า แม้ค่าใช้จ่าย SG&A จะปรับตัวขึ้นจากค่าใช้จ่ายช่วงปลายปีและการเร่งขยายสาขาธุรกิจนอนออยล์ แต่คาดกำไรปกติจะเติบโตเมื่อเทียบ จากไตรมาสก่อนหน้า
โดยได้รับปัจจัยบวกจาก 1.) ยอดขายน้ำมันเร่งตัวตามปัจจัยฤดูกาลทั้งกิจกรรมเดินทางท่องเที่ยวช่วงปลายปีและผ่านพ้นฤดูมรสุม 2.) กลยุทธ์บัตรสมาชิก PT Max Card 3.)อานิสงส์มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และ 4.) ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจน้ำมันปาล์มมีโอกาสเร่งตัวจากการพุ่งขึ้นของราคา CPO แตะระดับสูงสุดรอบกว่า 2 ปี
ทั้งนี้ คาดว่ากำไรปี 2568 ของ PTG จะเติบโตได้ดีเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ตามปริมาณสาขาธุรกิจ Oil และ นอนออยล์,ภาคท่องเที่ยวขยายตัว,กลยุทธ์ PT Max Card,แรงกดดันค่าการตลาดต่ำลงจากทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกชะลอตัว และเงินบาทแข็งค่า
โดยในช่วง 6 เดือนข้างหน้าคาดผลประกอบการไตรมาส 4/2567 ไปจนถึงไตรมาส 1/2568 ดีขึ้นตามปัจจัยฤดูกาลนับตั้งแต่ต้นเดือน ต.ค. ที่ราคาหุ้นลดลง 14% ถือว่าสะท้อนความอ่อนแอของไตรมาส 3/2567 ไปแล้ว ซึ่งราคาปัจจุบันถือว่ามี Upside gain เปิดกว้าง ทางพื้นฐานปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” ให้ราคาเหมาะสม 11.00 บาท
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยหนุนจากความคืบหน้าแผน Spin-off บริษัทลูก 1.ATLAS ธุรกิจ LPG ในปี 2568 (ปัจจุบันยื่น Filing) และ 2.Punthai ธุรกิจร้านกาแฟ ปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อม Spin-off ในอนาคต
บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด คงประมาณการกำไรของ PTG ในปี 2567 ที่ 1,050 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนจากค่าการตลาดที่ระดับปกติ 1.70 บาทต่อลิตร แม้ไตรมาส 3/2567 จะเป็นช่วง Low Season หน้าฝน ปริมาณการใช้น้ำมันลดลง
นอกจากนี้ระยะสั้นอาจจะมีความเสี่ยงเรื่องกฎหมายบริหารโครงสร้างราคา ซึ่งอาจจะส่งผลต่อ Margin ต่อลิตรของบริษัทฯ ได้ แต่จะกลับมาโดดเด่นในช่วงไตรมาส 4/2567 โดยนอนออยล์ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงปริมาณจำหน่ายน้ำมันต่อสถานีบริการที่เพิ่มขึ้น ปัจจุบันบริษัทฯ เน้นปริมาณ Traffic ที่จะเข้ามาใช้บริการมากกว่าการขยายจำนวนสถานีบริการ
ดังนั้นฝ่ายวิจัยจึงคงราคาเป้าหมายปี 2568 ไว้ที่ 11 บาท อิงค่า PER ที่ 14.50 เท่า และคงคำแนะนำ Trading Buy แนวโน้มระยะสั้นอาจจะถูกกดดันจากผลการดำเนินงานที่อ่อนตัว แต่เป็นจังหวะซื้อช่วงไตรมาส 4/2567 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการบริโภคน้ำมันมากจากช่วงวันหยุดยาว